Monster Hunter: World Guide

บทสรุป Monster Hunter World [ Low Rank & High Rank ] for Monster Hunter: World

บทสรุป Monster Hunter World [ Low Rank & High Rank ]

เนื้อเรื่อง Low Rank

ตัวเกมในภาคนี้จะกล่าวถึงตัวเราซึ่งเป็นนักล่าที่ลงมากับเรือของคณะสำรวจชุดที่ 5 โดยจุดมุ่งหมายของเราคือการเดินทางไปยังดินแดนที่เรียกกันว่าโลกใหม่ซึ่งจุดประสงค์หลักของการเดินทางก็คือหาคำตอบว่าทำไมมังกรโบราณถึงได้ข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังโลกใหม่นั่นเองครับ

สู่ Astera

ช่วงแรกของเกมตัวเกมจะตัดมาที่การเดินทางของเหล่าคณะสำรวจชุดที่ 5 โดยเราก็เป็นหนึ่งในกลุ่มนี้ด้วย ซึ่งหลังจากที่มีการทักทายกับเพื่อนๆ ภายในเรือกันเรียบร้อยดีแล้วตัวเกมจะให้เราสร้างตัวละครหลักและสร้างตัวละครผู้ช่วยหรือก็คือเจ้าเหมียวนั่นเองครับ (ในเกมเราจะเรียกเจ้าแมวผู้ช่วยว่า Palico) โดยเพื่อนๆ จะสอบถามกับเราว่าผู้ช่วยของเราไปไหนซะแล้วล่ะ (ในเกมผู้ช่วยที่เป็นคนที่ทำงานคู่กันกับฮันเตอร์จะเรียกว่า handler ) ตัวเราจึงนึกได้แล้วเดินไปพูดคุยกับผู้ช่วย แต่ในระหว่างที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั่นเรือของเราก็ได้ไปเจอกับเจ้ามังกรโบราณเข้าทำให้ตัวเราและผู้ช่วยพลัดหลงกับกองเรือคนอื่นๆ

หลังจากที่เรารู้สึกตัวแล้วจะพบว่าเราอยู่บนหลังของมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ โดยตัวเกมจะอธิบายถึงวิธีการเล่นเล็กๆ น้อยๆ เช่นการเดินและการวิ่ง ให้เราเดินตามผู้ช่วยไปเรื่อยๆ ซึ่งจุดนี้ไม่ยากอะไรครับ โดยผู้ช่วยจะบอกกับเราว่ามีไอเดียดีๆ และให้เราปีนขึ้นไปที่ด้านบนสุด โดยเรากับผู้ช่วยจะเกาะขามอนสเตอร์และหนีออกไปจากตัวของเจ้ามังกร

เมื่อเรามาถึงโลกใหม่เรียบร้อยแล้วผู้ช่วยของเราจะเจอกับแผนที่และได้มอบมันมาให้กับเรา พร้อมกับเสนอความเห็นว่าควรจะไปเจอกับคนอื่นๆ ที่ฐานปฎิบัติการเลยจะดีกว่า ซึ่งตรงนี้นี้แนะนำว่าให้ผู้เล่นเดินตามผู้ช่วยไปเรื่อยๆ ครับ เมื่อไปจนเกือบถึงที่หมายแล้วจะพบกับพวก Jakrad ผู้ช่วยจะสอนให้เราซ่อนตัวโดยการไปหลบที่พงหญ้าแล้วกด “X” เพื่อให้มอนสเตอร์หาเราไม่เจอ ต่อจากนั้นให้เดินทางไปต่ออีกเล็กน้อย เราจะเจอกับร่องรอยของมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ ก่อนที่จะมีมอนสเตอร์เข้ามาโจมตีเรา แต่ยังโชคดีที่เราได้รับความช่วยเหลือจาก Field Team Leader (เข้าใจว่าเป็นหัวหน้าหน่วยภาคสนามซึ่งต่อไปนี้ขอเรียกพี่แกว่าหัวหน้าทีมเฉยๆ ) แน่นอนว่างานของเราก็ไม่ยากวิ่งๆ ตามๆ ไปเรื่อยๆ เหมือนเดิม

พี่หัวหน้าทีมที่เข้ามาช่วยเราตอนโดนมอนรุมตื้บ

หลังจากที่เข้ามาภายในฐานทัพได้แล้วพี่หัวหน้าแกจะอธิบายให้เราฟังว่าฐานทัพนี้มีชื่อเรียกว่า Astera และแนะนำให้เราได้รู้จักกับหัวหน้าของที่นี่ซึ่งเป็นปู่ของเค้าเองครับ โดยคุณปู่แกจะแนะนำตัวและกล่าวต้อนรับเราสั้นๆ ก่อนจะเรียกเราไปคุยอย่างเป็นทางการทีหลัง โดยเค้าได้บอกกับเราว่าคู่หู(แมว) ที่เราพลัดหลงไปช่วงต้นเกมกำลังหาตัวเราอยู่ด้วย โดยหลังจากที่คุยสัพเพเหระเรียบร้อยแล้วให้เดินตามหัวหน้าไปเรื่อยๆ แกจะแนะนำนู่นนี่ไปเรื่อย จนไปสุดที่โรงครัว (Canteen) เราจะได้พบกับแมวของเราที่พลัดหลงกัน

หลังจากที่เดินจนทั่วแล้วเราจะได้เข้าประชุมกับพวกผู้บริหารของคณะสำรวจ โดยเค้าจะอธิบายว่างานหลักของเราคือการหาสาเหตุและวิจัยว่าทำไมมังกรโบราณถึงได้มาที่โลกใหม่ ซึ่งภารกิจแรกที่เราได้รับมาจากลุงหัวหน้าก็คือให้ไปจัดการกับพวก Jagras เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับฐานแห่งนี้ครับ ซึ่งหลังจากที่คุยกันเรียบร้อยแล้วหัวหน้าจะพาเราไปเลือกอาวุธที่ถูกใจที่บ้านพักของเรา โดยรายละเอียดอาวุธต่างๆ เพื่อนๆ สามารถอ่านได้ที่นี่ >>Click<< [myplaypost.com] หลังจากที่เลือกเรียบร้อยแล้วให้เราออกไปคุยกับผู้ช่วยที่โรงอาหารเพื่อทำภารกิจแรกด้วยกันโดยช่วงนี้ตัวเกมจะสอนถึงวิธีการรับเควสว่าทำอย่างไรและการออกเดินทาง ให้ทำตามได้เลยครับ นอกจากนี้ตัวเกมยังแนะนำให้เราทานอาหารก่อนออกล่าด้วย

Note : การทานอาหารก่อนออกล่าเราสามารถทานได้ก่อนจะไปยังแผนที่ของภารกิจ หรืออีกทางนึงคือหลังจากเข้าภารกิจไปแล้วตรงบริเวณ Camp จะมีโต๊ะอาหารอยู่ให้เราเลือกทานจากตรงนั้นก็ได้ครับ โดยวัตถุดิบแต่ละอย่างในเควสนั้นๆ เราจะสามารถเลือกนำมาทำอาหารได้อย่างละครั้ง ดังนั้นการมีวัตถุดิบเยอะๆ จะส่งผลดีกว่า

แนะนำอาวุธเบื้องต้น

Great Sword
โจมตีแรงมากๆ แต่เคลื่อนที่ช้า
Long Sword
โจมตีปานกลาง มีคอมโบเยอะ ระยะดาบไกล
Sword & Shield
สมดุลทุกด้าน สามารถใช้ไอเทมระหว่างชักอาวุธได้
Dual Blade
โจมตีเบาแต่คอมโบต่อเนื่องและคล่องตัวมาก
Hammer
ทำให้ศัตรูติดสตั๊นได้ง่าย มีความคล่องตัวในระดับนึง
Hunting Horn
อาวุธสายบู๊กึ่งซัพ สามารถบัฟตัวเองและทีม พร้อมกับบู๊ไปพร้อมๆ กันได้
Lance
อาวุธที่มีความถึกมาก และแรงพอสมควรแต่ข้อเสียคือระยะโจมตีค่อนข้างแคบ
Gunlance
หอกผสมกับปืน เป็นอาวุธที่ทั้งถึกและแรง แต่ข้อเสียใหญ่คือต้องรีโหลดกระสุนบ่อยๆ
Switch Axe
สามารถสลับระหว่างขานกับดาบได้ มีความคล่องตัวค่อนข้างสูงและคอมโบต่อเนื่อง
Charge Blade
ดาบโล่ผสมกับดาบใหญ่ มีจุดเด่นที่การสลับอาวุธไปมาและการชาร์ทที่เพิ่มความแรงการฟัน
Insect Glaive
กระบองที่มีความคล่องตัวสูงมาก สามารถเรียกแมลงออกมาช่วยโจมตีและบัฟได้
Light Bowgun
ปืนเล็กที่มีพลังโจมตีอาจไม่แรงมากแต่มีความคล่องตัวสูง มีลูกเล่นหลากหลายจากกระสุน หลายแบบ
Heavy Bowgun
ปืนขนาดใหญ่ที่มีพลังโจมตีสูงและปรับแต่งได้มาก แต่จะขาดความคล่องตัว มีลูกเล่นหลากหลายจากกระสุน หลายแบบ
Bow
ธนูที่สามารถโจมตีเป้าหมายระยะใกล้และกลางได้ค่อนข้างดี มีลูกเล่นกลากหลายจากกระสุนหลายแบบ โดยรวมแล้วต้องกดคอมโบเพื่อเร่งความแรง

ภารกิจแรก

หลังจากที่มาถึงที่ Ancient Forest แล้วผู้ช่วยของเราจะอธิบายถึงพื้นฐานในการทำเควสคร่าวๆ ว่าต้องปฎิบัติตัวอย่างไรบ้าง โดยจุดสำคัญแต่ละเควสจะมีเงื่อนไขที่ทำให้เราผ่านอยู่ โดยเราจะสามารถจบภารกิจและกลับไปทีฐานได้หลังจากทำเควสเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว และภายในแต่ละภารกิจจะมีไอเทมช่วยเหลือใส่เอาไว้ในกล่องอยู่เสมอโดยสังเกตุได้ว่าไอเทมส่วนใหย่จะมีดาวติดอยู่บนตัวไอเทมครับ หมายความว่าหลังจากที่จบภารกิจแล้วไม่ว่าเราจะใช้ไอเทมนั้นหรือไม่มันก็จะหายไปนั่นเอง (แต่บางอย่างก็ไม่หายนะเอาไปใช้ต่อได้) โดยมันจะอำนวยคามสะดวกให้เราได้เยอะมาก โดยเฉพาะภารกิจที่ให้จับมอนสเตอร์(จะอธิบายทีหลัง) เพราะส่วนใหญ่จะมีอุปกรณ์จับมาให้เราฟรีๆ เลยครับ

ไอเทมที่มีรูปดาวติดอยู่จะหายไปหลังจากจบด่านเสมอ

หลังจากที่เราเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วให้เดินตามหัวหน้าไปเรื่อยๆ โดยในเควสแรกนี้เค้าจะอธิบายเรื่องเบสิคของเกมให้เราฟังครับ อาทิเช่นเตรียมตัวให้พร้อมในการต่อสู้เสมอ หรือการเก็บไอเทมเพื่อนำมาทำยาเป็นต้น โดยไอเทมต่างๆ ภายในเกมเราสามารถตั้งให้ผสมอัตโนมัติเองได้เลยหลังจากที่เก็บมาครับ สำหรับคำสั่งพื้นฐานที่ควรทราบในช่วงนี้คือเราสามารถชักอาวุธออกมาได้โดยการกดปุ่ม “สามเหลี่ยม” หรือกดปุ่ม “R2” และหลังจากที่จัดการกับมอนสเตอร์ได้แล้วเราสามารถกดปุ่ม “วงกลม” เพื่อแล่วัตถุดิบจากพวกมันได้

หน้าตาของเป้าหมายที่เราต้องไปจัดการ

เมื่อเราเดินตามหัวหน้าไปเรื่อยๆ จนถึงหน้ารังมอนสเตอร์แล้วเค้าจะให้เรามาลองงานโดยการเข้าไปล่าพวก Jangras ภายในรังครับ ให้เราจัดการไปเรื่อยๆ จนพวกมันหนีเข้าไปหลบในรังที่ลึกเข้าไป (อย่าลืมแล่หนังเก็บไว้ทำของด้วยนะ) โดยให้เราตามเข้าไปจัดการกับพวกมันภายในรัง เมื่อครบจำนวน 7 ตัวตามที่เควสกำหนดแล้วตัวเกมจะนับถอยหลังและพาเรากลับไปที่เมือง

Note : ไอเทมที่เป็นวัตถุดิบทั่วไปกับไอเทมที่เป็นวัตถุดิบทำอุปกรณ์สวมใส่จะเก็บแยกกันครับ เช่นพวกแร่หรือกระดูกที่เก็บตามแผนที่จะไม่นับรวมกับช่องเก็บของปกติ แต่พวกสมุนไพรและยาต่างๆ จะนับรวมในช่องเก็บของดังนั้นคำนวณช่องเอาไว้ให้ดีๆ ด้วยนะ

Note 2 : ภายในแผนที่จะมีพวกหินหรือของที่เราเอามาใช้ยิงกับหน้าไม้ได้ โดยตัวละครของเราจะมีหน้าไม้พกติดตัวเอาไว้สามารถกดยิงได้โดยการกด L2 ครับ นอกจากนี้เรายังติดพวกอุปกรณ์ต่างๆ เช่นสวิงหรือลูกดอกต่างๆ ได้ด้วย (สวิงเอาไว้จับพวกมอนสเตอร์เล็กๆ ภายในแมพ)

การจับมอนสเตอร์

การจับมอนสเตอร์นั้นจะทำให้เราได้ของมากกว่าการฆ่ามอนสเตอร์ตามปกติ โดยการจับนั้นเราจะต้องมีอุปกรณ์ที่ต้องใช้คือ Shock Trap หรือ Pinfall Trap และ Tranq Bomb (หรือ Tranq Ammo ก็ได้) โดยก่อนอื่นเราจะต้องจัดการให้มอนสเตอร์ใกล้ตายเสียก่อน หลังจากนั้นให้เราเอากับดักชนิดใดก็ได้ไปวาง เมื่อมอนสเตออร์ติดกับดักแล้วให้เราใช้ Tranq Bomb ใส่มอนสเตอร์ 2 ครั้งก็เป็นอันเรียบร้อยครับ

มอนสเตอร์ขนาดยักษ์

หลังจากที่จบภารกิจแรกคุณปู่ได้บอกกับเราว่าพวก Kestodon เริ่มมีจำนวนมากขึ้นเลยจะวานเราไปจัดการให้หน่อย โดยก่อนไปให้เราไปพบกับช่างตีเหล็กที่โรงหล่อให้เรียบร้อยก่อน โดยเค้าจะอธิบายเล็กๆ น้อยๆ ในเรื่องของอาวุธให้เราฟัง ซึ่งแนะนำว่าเราควรแวะมาอัพเกรดอาวุธอยู่เสมอครับ โดยคำสั่งคร่าวๆ ของโรงหล่อจะมีดังนี้

  • Forge Equipment – ทำอาวุธหรือชุดเกราะใหม่
  • Upgrade Equipment – อัพเกรดอาวุธหรือชุดเกระา การอัพอาวุธจะต้องใช้วัตถุดิบจากพวกมอนสเตอร์หรือแร่ต่างๆ ส่วนการอัพเกรดเกราะจะใช้ Armor Sphere ที่ได้จากการทำเควส
  • Forge Palico Equipment – ทำชุดหรืออุปกรณ์ของแมว
  • Customize Bowgun – ติดอุปกรณ์เสริมหรือออฟชั่นให้ Bowgun
  • Manage Kinsects – จัดการกับแมลง(อาวุธกระบอง)
  • Change Equipment – เปลี่ยนอุปกรณ์

หลังจากที่เราจัดการอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วให้เราไปคุยกับคู่หูของเราที่โรงอาหารเธอจะอธิบายว่าเราสามารถรับเควสกับกระดานเควสหรือมาคุยกับเธอก็ได้

หลังจากที่เราพร้อมแล้วให้รับภารกิจโดยกด Post New Quest และเลือกไปที่ Assignment โดยจะมีภารกิจให้เราเลือกได้อยู่อันเดียวครับให้เรากดรับมาและเข้ามายังแผนที่เควสตามปกติ ในเควสนี้เราจะได้รับมอบหมายให้จัดการกับ Kestodon (Male) และ Kestodon (Female) ซึ่งไม่ยากเท่าไหร่ครับสามารถเดินออกจากแคมป์แล้วไปจัดการกับพวกมันได้เลย ซึ่งมันจะเล็มหญ้าอยู่แถวๆบริเวณแม่น้ำครับ โดยสังเหตุดูที่หัวมันจะคล้ายๆ กะลาแข็งๆ โดยเมื่อจัดการกับชุดแรกได้แล้วให้เราไปจัดการที่บริเวณอื่นจนครบจำนวน ซึ่งตรงนี้จะไม่ยากเท่าไหร่ครับ

หลังจากที่ทำภารกิจนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วหัวหน้าจะพบกับสิ่งผิดปกติและเรียกเราเข้าไปดู ซึ่งสิ่งที่เค้าพบก็คือมอนสเตอร์ขนาดยักษ์เจ้า Great Jagras นั่นเอง โดยเราสามารถที่จะเลือกได้ว่าจะทำภารกิจต่อเลยหรือจะกลับไปที่ฐานก่อนแล้วค่อยกลับมาล่าใหม่ โดยไม่ว่าจะแบบไหนก็ตามเราจะไปดูวิธีการล่ามันในส่วนถัดไปครับ

แนวทางการล่า Great Jagras

การล่า Great Jagras

การล่าเจ้า Great Jagras เป็นอะไรที่ง่ายที่สุดในเหล่ามอนสเตอร์ขนาดใหญ่แล้วครับ ภายในเควสแรกที่เป็นเนื้อเรื่องนั้นเราสามารถแกะรอยจากรอยเท้าของมันไปเรื่อยๆ ได้เลย โดยเราสามารถเรียกเพื่อนมาช่วยได้โดยการกด SOS บนเมน (ต้องกด Start ก่อนนะ หรือถ้างงอ่านแบบละเอียดได้ที่นี่) โดยเจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้แนะนำว่าหากเจอมันให้เราปล่อยให้มันกินจนอิ่มก่อน พุงมันจะป่องแล้่วจะสู้ได้ง่ายกว่าเวลาปกติครับ ซึ่งถ้าหากว่ามันใกล้จะตายเราจะสังเกตุได้ว่ามันจะพยามหนีกลับเข้ารัง ให้เรารอจนมันกลัไบปถึงรังแล้วค่อยจัดการต่อก็ได้

เจ้า Great Jagras จะแพ้แทบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นธาตุไฟ สายฟ้า หรือแม้แต่น้ำแข็ง แถมยังติดสถานะได้ทุกอย่าง ดังนั้นจึงเป็นตัวที่เหมาะมากกับการฝึกเล่นของเราครับดังนั้นยำให้เต็มที่

Note : ในการตามตัวมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ต่างๆ เราสามารถแกะรอยเท้าหรือร่องรอยที่พวกมันทิ้งเอาไว้บนพื้นได้ โดยหากเป็นร่องรอยเก่าจะมีคำว่า Old อยู่ด้านหน้า และหากไม่มีหมายความว่าร่องรอยพึ่งเกิดและมันอยู่ในละแวกนั้น และถ้าหากเจอมันแล้วเราสามารถใช้ Scoutfire หรือหิ่งห้อยตามตัวมันได้ (กดเปิดเมนูขึ้นมาแล้วกด R3 ไปที่พวกมันเกมจะนำทางให้อัตโนมัติ)

Note 2 : เราสามารถขอความช่วยเหลือโดยการกด SOS เพื่อขอให้คนที่ออนไลน์อยู่เข้ามาช่วยเราได้ แต่ในบางฉากก่อนจะเรียกเพื่อนๆ มาช่วยได้เราจะต้องดูคัทซีนของด่านนั้นให้จบก่อน

มอนสเตอร์ที่รุกรานเข้ามา / Kulu-Ya-Ku

หลังจากที่เราล่าเจ้า Great Jagras เรียบร้อยแล้วเราจะกลับไปรายงานกับปู่ ซึ่งเค้าจะให้ภารกิจใหม่มานั่นก็คือการลดจำนวนเจ้าพวกมอนสเตอร์ที่เพิ่มจำนวนขึ้นมาอย่างมาก ให้เราทำแบบเดิมคือเลือกไปที่ภารกิจ Assign แล้วรับเควสใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา จากนั้นให้ล่ามอนสเตอร์ที่เกมระบุให้ครบ ซึ่งหลังจากที่เราล่าครบแล้วหัวหน้าจะพบสิ่งแปลกประหลาดและเรียกให้เราไปดู ซึ่งปรากฎว่ามันเป็นร่องรอยของเจ้า Pukei-Pukei ซึ่งมันกำลังตอบสนองกับชิ้นส่วนของ Zorah Magdaros

หลังจากที่เรากลับไปรายงานปู่เรียบร้อยแล้วเค้าจะขอร้องให้เราไปช่วยฟื้นฟูแคมป์ภายในป่าก่อนเพื่อที่จะได้เตรียมตัวจัดการกับเรื่องต่างๆ ต่อครับ หลังจากที่คุยกับปู่เรียบร้อยแล้วให้เราไปหากลุ่มสมาชิกของ Research Center โดยดูได้จากจุดแดงๆ บริเวณแผนที่

หลังจากที่คุยกันเรียบร้อยแล้วงานของเราก็คือการออกไปหาจุดในการตั้งแคมป์ที่เหมาะๆ โดยหลังจากคุยเสร็จให้เราไปที่แผนที่ Ancient Forest ผ่านทางประตู จะเป็นการออกไปสำรวจซึ่งเราจะสำรวจอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้ เพียงแต่จะไม่ได้รับของรางวัลเหมือนกับตอนรับเควสครับ (หากรับเควสปกติแล้วจะมีเวลาจำกัด) โดยให้เราทำการสำรวจไปเรื่อยๆ จนพบกับจุดที่น่าสนใจในการตั้งแคมป์ ซึ่งเราจะพบว่ามีมอนสเตอร์มาคอยขัดขวางเราอยู่คือเจ้า Kulu-Ya-Ku แน่นอนว่าเป็นงานของเราต้องไปจัดการมันเพื่อสร้างแคมป์ให้ได้นั่นเอง

หลังจากที่พวกตัวเอกได้ออกไปสำรวจจุดตั้งเต็นท์ทำให้ได้เจอกับ Kulu-Ya-Ku ที่มาป่วนการทำงานดังนั้นงานของเราจึงต้องไปล่ามันครับ

เจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้จะมีจุดอ่อนอยู่ที่หัวครับ โดยมันแพ้แทบจะทุกธาตุและแทบจะทุกสถานะเช่นเดียวกันกับเจ้ากิ่งก่าตัวแรก

Note : ต่อไปหลังจากนี้หากเราเจอจุดในการตั้งแคมป์ที่เหมาะๆ (จะเป็นจุดที่เกมกำหนดไว้) เราจะสามารถส่งของให้กับกลุ่มนักวิจัย(กด Complete Delivery)เพื่อขอให้พวกเค้าตั้งแคมป์ให้เราได้ โดยหากมีแคมป์ในแผนที่นั้นๆ แล้วเราจะสามารถเดินทางไปยังแคมป์ที่เลือกได้ทันที (กดที่แผนที่แล้วเลือกแคมป์ที่ต้องการ)

ล่า Pukei-Pukei

หลังจากที่เราจัดการกับเจ้า Kulu-Ya-Ku ได้เรียบร้อยแล้วงานต่อไปจาก Commander หรือคุณปู่ก็คือการไปล่าเจ้า Pukei-Pukei เพื่อที่จะได้ส่งคนไปสำรวจชิ้นส่วนของมังกรโบราณได้ ซึ่งการเข้าเควสก็ทำเช่นเดิมคือไปเลือกป้ายได้ที่บอร์ดจ้า ส่วนวิธีการสู้นั่นแนะนำว่าให้เราตัดหางมันให้ได้ก่อนจะทำให้มันพ่นพิษใส่เราได้น้อยลง หลังจากนั้นก็ให้เล็งไปที่จุดอื่นๆ ตามลำดับถัดไปครับ ที่สำคัญเลยคืออย่าลืมพกยา Anditode ไปด้วย เผื่อในสถานการณ์ทีว่าเราโดนพิษจะได้แก้ไขได้ทันนั่นเองครับ

ช่วงพักยกอย่าลืมทำอาวุธกันด้วย

ในช่วงนี้หลายๆ คนน่าจะเริ่มรู้สึกว่ามอนสเตอร์จะเริ่มยากแล้วใช่ไหมครับ ซึ่งในช่วงระหว่างทางก่อนที่เราจะไปทำพวกเควส Assignment กันต่อผมแนะนำว่าให้เราทำพวกเควสย่อยๆ กันไปก่อนเก็บเงินหรือของมาทำไอเทมครับ โดยช่วงแรกๆ เราอาจจะยังทำของไม่ได้เยอะเท่าไหร่ แต่แนะนำว่าให้อัพไปให้ไกลที่สุดที่พอจะอัพได้ครับ โดยชุดที่แนะนำในช่วงแรกๆ เลยอยากจะให้เน้นที่พลังป้องกันให้มากที่สุดไว้ก่อนครับส่วนพวกสกิลเราไปสนใจช่วงหลังๆ ก็ได้ ซึ่งพวกชุดกันธาตุต่างๆ จะจำเป็นมากช่วงท้าย ของเกมแต่ในระยะแรกแทบจะไม่ต้องใส่ใจเท่าไหร่เลยครับ

คุ้มกันนักวิจัย / Barroth

หลังจากที่เราจัดการกับเจ้า Pukei-Pukei ได้แล้วเราจะได้รับภารกิจให้ไปช่วยคุ้มกันนักวิจัยในการเดินทางไปยัง Wildspite Waste เพื่อไปสำรวจร่องรอยที่เหลืออยู่ของมังกรโบราณ โดยในภารกิจนี้ให้เราเดินไปตามทางเรื่อยๆ จนถึงรังของ Rathian ตรงจุดนี้เราไม่จำเป็นต้องสู้ครับ แค่วิ่งล่อให้ไปทางตรงข้ามกับพวกนักวิจัยก็พอแล้ว หลังจากพวกนักวิจัยผ่านไปแล้วเราก็วิ่งตามไปสมทบทีหลัง (อาจจะยิงหินเพื่อล่อมันก็ได้)

หลังจากที่ไปจนถึงเป้าหมายแล้วในระหว่างที่กำลังเก็บชิ้นส่วนของเจ้า Zorah Magdaros พวกเราจะโดน Barroth จู่โจม ให้เราจัดการมันให้เรียบร้อย โดยเจ้า Barroth นี้ให้เราระวังโคลนที่มันสาดไปมาให้ดี เพราจะทำให้เคลื่อนที่ได้ไม่ถนัด ส่วนการโจมตีนั้นให้พยามเล็งที่หางหรือมือมันครับ แต่หากทำไม่ได้ให้พยามตีขาไปเรื่อยๆ เพื่อให้มันล้มแล้วค่อยจัดการทีหลัง โดยธาตุที่ใช้ได้กับมันดีเป็นพิเศษจะเป็นไฟกับน้ำแข็งครับ ส่วนน้ำจะใช้ได้ดีตอนที่โคลนติดอยู่บนตัวมันเท่านั้น ซึ่งโดยรวมแล้วใช้ไฟจะดีที่สุด

TIP : เราสามารถเก็บ Water Moss มาติด Slinger แล้วยิงเพื่อทำลายโคลนมันได้

หลังจากที่จัดการเจ้า Barroth เรียบร้อยแล้วจะเจอกับชายปริศนาที่กำลังแกะรอยอะไรบางอย่างอยู่โดยเค้าจะบอกว่าตัวเองเป็นนักล่าที่สังกัดอยู่ในกองเรือที่ 1 โดยเค้าได้มาสอบถามถึงสารทุข์สุขดิบของเพื่อนๆ ที่อยู่ที่ฐานและสถานการณ์โดยทั่วไป โดยก่อนจากกันเค้าได้ทิ้งท้ายว่าสักวันเราจะได้เจอกันอีก และยังได้บอกให้เราไปใช้แคมป์ของเค้าได้ (ต่อไปเราจะสามารถวาร์บไปที่แคมป์อีกจุดนึงได้เลย)

ตามหานักวิจัย / Jyuratodus

เมื่อเรากลับไปที่ฐานปู่จะขอร้องให้เราไปช่วยตามหานักวิจัยที่หายไปในเขต Wildspite Waste (เลือกรับเควสเหมือนเดิม) เมื่อเรามาถึงแล้วภารกิจของเราก็คือตามรอยเท้านักวิจัยไปเรื่อยๆ โดยในระหว่างทางนั้นตัวละครเราและผู้ช่วยจะพบว่าร่องรอยที่พบเจอมันแปลกประหลาดมากและไม่ทราบว่ามาจากอะไร หลังจากที่เราแกะรอยเท้าไปเรื่อยๆ จะเจอกับนักวิจัยที่กำลังโดน Jyuratodus จู่โจมอยู่

การต่อสู้กับเจ้าปลาดุกหรือ Jyuratodus นั้นให้เราเน้นเล็งไปที่หัวกับหางเป็นหลักครับ โดยอาวุธที่ใช้แนะนำให้เป็นสายฟ้าจะดีที่สุด เพียงแต่สถานะการแพ้-ชนะธาตุจะแตกต่างกันไปตามสภาพของมัน คือถ้าหากมีโคลนติดยู่มันจะแพ้ธาตุน้ำ แต่หลังจากโคลนหลุดออกมันจะแพ้ธาตุสายฟ้าครับ ซึ่งดคลนนั้นหลุดไม่ยากเท่าไหร่โดยรวมผมจึงแนะนำว่าหากอยากมาล่ามันยาวๆ หาธาตุสายฟ้ามาใช้ดีกว่าครับ

TIP : เราสามารถเก็บ Water Moss มาติด Slinger แล้วยิงเพื่อทำลายโคลนมันได้

หลังจากที่เรากลับมาฐานแล้วปู่จะบอกกับเราว่าเค้าวางแผนที่จะจับตัวเจ้า Zorah Magdaros แต่ก่อนที่จะทำตามแผนได้เราจะต้องทำให้ตัวฐาน Astera ปลอดภัยเสียก่อน นั่นคือให้เราไปจัดการกับพวกตัวอันตรายที่ออยู่รอบๆ ฐานนั่นเองครับ ซึ่งก่อนเราจะไปทำภารกิจต่อๆ ไปหัวหน้าฝ่ายพฤกษา (Chief Botanist) จะให้เราไปพบเพื่อขอความช่วยเหลือเราในการพัฒนาอุปกรณ์การล่าใหม่ๆ โดยเค้าจะขอให้เราไปจัดการกับ Tobu Kadachi ที่กำลังรบกวนการรวบรวมวัตถุดิบของเค้าอยู่ แน่นอนว่าเค้าให้ตัวทดลองเรามาใช้ด้วยนั่นคือ Ghillie Mantle นั่นเองครับ ส่วนวิธีการใช้เพียงแค่เรากดปุ่มสี่เหลี่ยมเพื่อสวมก็เป็นอันเรียบร้อย คุณสมบัติของมันคือทำให้เราซ่อนตตัวจากพวกมอนสเตอร์ได้ชั่วระยะเวลานึงนั่นเอง ซึ่งในอนาคตจะมีผ้าคลุมมาให้เราใช้อีกหลายแบบเลยครับ

Tobi Kadachi

หลังจากที่คุยกันเรียบร้อยแล้วให้เราไปจัดการกับเจ้า Tobi Kadachi ที่ Ancient Forest กันได้เลย โดยเจ้าตัวนี้ส่วนใหญ่แล้วมันจะอยู่ที่สูงครับ ให้ลองเดินหามันจากที่สูงๆ ดูส่วนการต่อสู้กับเจ้าตัวนี้นั้นก็ไม่ยากมาก แต่แนะนำว่าอย่าลืมทานอาหารก่อนมานะครับ เพราะมันโจมตีไม่เบาเลยทีเดียว แถมยังค่อนข้างไวอีกต่างหาก และจะให้ดีอย่าลืมพกยามาเผื่อเอาไว้ด้วย สำหรับจุดอ่อนของเจ้าตัวนี้จะอยู่บริเวณห่งและหัวครับ โดยหางเราจะสามารถทำดาเมจได้มากกว่า ส่วนสถานะผิดปกติต่างๆ สามารถใช้กับมันได้ทั้งหมด แต่ในเรื่องของธาตุเจ้าตัวนี้จะแพ้น้ำกับน้ำแข็งเป็นหลักครับ ทว่ามันจะกันสายฟ้าซึ่งจะทำอะไรมันไม่ค่อยได้

เมื่อเราจัดการกับ Tobi-Kadachi เรียบร้อยแล้ว Chief Botanist จะขอบคุณเราเป็นการใหญ่และบอกกับเราว่า ตัวเค้าเองได้ทดลองปลูกเมล็ดของต้นไม้โบราณเล่นๆ แต่มันดันโตซะงั้น ซึ่งเค้าเสนอตัวว่าจะช่วยปลูกของที่เราอยากได้เป็นพิเศษให้ ช่วงแรกเราจะให้เค้าช่วยปลูกได้ไม่เยอะเท่าไหร่แต่ถ้าเล่นไปเรื่อยๆ (ปลดล็อกจากเควส Optinal) จะมีจำนวนพืชที่ปลูกได้มากขึ้นครับ

หลังจากที่คุยกับ Chief Botanist เรียบร้อยแล้วเราจะโดนเรียกจากหัวหน้า โดยเค้าจะบอกกับเราว่าตอนนี้เค้าได้เสริมความแข็งแกร่งของ Astera แล้วเพียงแต่ยังเหลือปัญหาใหญ่อีกอย่างคือเจ้า Anjanath เพื่อนเก่าเรานั่นเอง แต่ก็ไม่ได้มีแต่ข่าวร้ายไปซะหมดเพราะตอนนี้โรงครัวได้อัพเกรดเรียบร้อยแล้ว ทำให้เราสามารถกินอาหารที่ดีขึ้นได้ (ส่งผลให้บัฟดีขึ้นนั่นแหล่ะ) หากเราจัดการอะไรเรียบร้อยแล้วก็ไปจัดการกับ Anjanath กันได้เลย (รับเควสผ่าน Assignment นะ)

Anjanath

ในส่วนของการต่อสู้กับเจ้า Anjanath นั้นถือว่าค่อนข้างยากทีเดียวครับ แนะนำว่าให้เตรียมพวกชุดและอาวุธมาให้เรียบร้อยก่อน โดยให้เน้นไปที่พลังป้องกันเป็นหลักก่อนก็ได้เพระาจะทำให้เราเล่นง่ายขึ้นเยอะทีเดียวครับ และอย่าลืมอัพเกรดพวกชุดเกราะด้วยล่ะ ในส่วนของการต่อสู้นั้นการโจมตีของ Anjanath ไม่ค่อยซับซ้อนเท่าไหร่แต่บางครั้งมันจะพ่นไฟใส่เราได้ด้วย ให้ระวังเอาไว้ให้ดี สำหรับจุดอ่อนของมันจะอยู่ที่บริเวณหางและหัวครับ เช่นดิมคือหากตีไม่ได้ก็ตีขาให้มันล้มก่อนก็ได้ หากรู้สึกว่าเจ้าตัวนี้สู้ด้วยยาแนะนำว่าให้ลองไปทำอาวุธธาตุน้ำดูครับ หรือจะลองใช้พวกเครื่องแต่งกายที่มีสกิลทำให้ติดสถานะผิดปกติดูก็ได้

หลังจากที่จัดการตัวปัญหารอบๆ ฐานไปเรียบร้อยแล้วในที่สุดงานใหญ่ก็มานั่นคือการจับเจ้ามังกรขนาดยักษ์ Zorah Magdaros นั่นเอง โดยแผนของปู่คือทำให้มันอ่อนแรงลงก่อนจะจับมัน เมื่อประชุมเสร็จเรียบร้อยแล้วหากเราพร้อมให้ไปคุยกับผู้ช่วยของเราและรับเควส โดยเธอจะบอกว่าตื่นเต้นมากๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจที่ยิ่งใหญ่ และได้เล่าความหลังว่าคุณปู่เคยมาที่โลกใหม่พร้อมกับเรือลำแรกแต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นตายร้ายดีอย่างไรแล้ว ซึ่งตัวเองก็ได้เจริญรอยตามและมาที่นี่ในที่สุด… หลังจากที่พูดคุยกันเรียบร้อยแล้วให้เรารับเควส One for the History Books โดยหลังจากที่รับเควสนี้ภาพจะตัดไปที่ป้อมปราการที่เตรียมรบกับมังกรโบราณ

Zorah Magdaros

ในช่วงแรกให้เราทำการโจมตีเจ้า Zorah Magdaros ไปเรื่อยๆ ด้วยปืนใหญ่และหน้าไม้ โดยกระสุนของพวกมันจะอยู่บริเวณรอบๆ ให้เรายกไปใส่และยิงได้เลยครับ โดยให้เราทำแบบนี้วนไปเรื่อยๆ เมื่อทำความเสียหายได้สักระยะนึงให้เราขึ้นไปบนหลังเจ้ามังกร โดยให้ปที่จุดเรียกไวน์เวิร์นที่ติดตั้งอยู่ด้านบนเพื่อให้มันพาเราขึ้นไปบนหลังมังกรยักษ์ครับ

เมื่อขึ้นมาบนหลังของ Zorah Magdaros ได้แล้วให้เราหาแกนแม็กม่าบนหลังของมัน ซึ่งสามารถดูจากแผนที่ด้ครับจะเป็นจุดสีแดงๆ บนแผนที่ ให้เราทำลายมันไปเรื่อยๆ

หลังจากที่เราทำลายแกนของ Zorah Magdaros จนหมดแล้วจะพบว่ามีอะไรบางอย่างปรากฎตัวออกมาเพื่อขัดขวางเรา นั่นก็คือเจ้ามังกรโบราณอีกตัวนึง Negigante นั่นเองครับ ซึ่งเป็นการตอบคำถามให้กับเราได้ว่าใครเป็นคนปล่อยวัตถุประหลาดออกมาให้เราเห็นในเควสตามหานักวิจัยก่อนหน้านั่นเอง สำหรับการต่อสู้กับเจ้าตัวนี้ตอนนี้เป็นอะไรที่ไม่ยากครับเพราะมันไม่ได้เอาจริง ให้เราสู้ปเรื่อยๆ สักพักนึงจะมีเพื่อนๆ มาช่วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเท่าไหร่ และในที่สุดภารกิจในการจับเจ้า Zorah Magdaros ของเราก็ล้มเหลวลงไป

แกะรอย

หลังจากที่เรอากหักจากการจับเจ้ามังกรยักษ์ไปพวกเราก็ด้กลับไปประชุมเพื่อหาแนวทางที่จะดำเนินการกันต่อไปที่ฐาน Astera ซึ่งได้สรุปกันว่าจะส่งข่าวไปที่สมาคมและรอดูท่าทีก่อน ในระหว่างนั้นปู่จะสั่งให้เราไปยัง Great Ravine เพื่อแกะรอยเจ้า Zorah Magdaros ไปพลางๆ โดยหลังจากจบการพูดคุยเราจะได้รับของเล่นใหม่คือ Health Booster เอาไว้ใช้เร่งการฟื้นฟูเลือดได้ครับ

หลังจากที่จัดการอะไรเรียบร้อยแล้วให้เราไปยัง Great Ravine ซึ่งเมื่อเราเดินไปเรื่อยๆ จะทะลุไปยังอีกแผนที่นึงนั่นก็คือ Coral Highlands แต่ทว่าในระหว่างที่เรากำลังออกสำรวจอยู่นั้นก็ได้โดยมอนสเตอร์จู่โจมและร่วงลงไปยังเหวในที่สุด แต่ยังโชคดีที่พวกกองเรือที่ 3 (Third Fleet Master) ซึ่งเป็นนักสำรวจได้พบกับเราและได้ช่วยเราเอาไว้และพามายัง Research Base ที่นี่เราจะได้พบกับหัวหน้ากองเรือที่ 3 เราจะเล่าสถานการณ์ต่างๆ ให้เค้าฟัง โดยทางหัวหน้ากองเรือได้แนะนำเราว่าให้ลองออกสำรวจที่ Coral Highlands กันดูก่อน

Tzitzi-Ya-Ku

หลังจากที่คุยเรียบร้อยแล้วให้เราออกสำรวจ Coral Highland (ให้กดออกมาที่ประตูได้เลย) หลังจากที่เราสำรวจไปเรื่อยๆ มอนสเตอร์ที่เราจะพบคือ Tzitzi-Ya-Ku แต่เราไม่จำเป็นจะต้องสู้กับมันครับให้เราสำรวจต่อได้เลย จนพบกับจุดสวยๆ ที่เอาไว้ใช้ตั้งแคมป์ (จะอยู่ประมาณโซน 13) โดยหลังจากนั้นให้เรากลับไปคุยกับผู้ช่วยเพื่อจบการสำรวจและกลับไปคุยกับ Third Fleet Master โดยจะมีแขกมาหาเราด้วย

แขกที่มาหาเราก็คือ Field Team Leader นั่นเอง โดยเค้าจะบอกกับเราว่าอยากจะให้ไปสำรวจ Rotten Vale ที่อยู่ลึกลงไปใน Coral Highland โดยการจะไปได้นันต้องติดบอลลูนทำให้เรือลอยได้ก่อน แน่นอนว่างานของเราคือตอ้งไปล่าเจ้า Paolumu เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการทำบอลลูนนั่นเองครับ โดยของแถมก่อนที่จะให้เราไปทำภารกิจคือผ้าคลุทมใหม่ Gilder Mantle ซึ่งสามารถทำให้เราร่อนได้ในระยะเวลาสั้นๆ นั่นเองครับ แนะนำว่าให้ติดไปด้วยในการล่าเจ้า Palumu เพราะจะทำให้เราข้ามหน้าผาได้ง่ายขึ้น

เมื่อเราพร้อมแล้วให้เราเลือกรับเควส Assignment ล่าสุดและไปล่าเจ้า Paolumu โดยการเจอมันครั้งแรกนั้นจะอยู่แถวบริเวณด้านซ้ายบนของแผนที่ โดยจะมีหน้าผานึงที่ไกลมากๆ จริงอยู่ว่าเราสามารถโดดไปเกาะเถาวัลย์ได้แต่ค่อนข้างยากเลยทีเดียว แนะนำว่าให้ใส่ Gilder Mantle ก่อนกระโดดจะทำให้ง่ายขึ้นครับ (แต่ถ้าชำนาญแล้วไม่ต้องก็ได้)

Palumu

การต่อสู้กับเจ้า Palumu นั้นถือว่าไม่ยากไม่ง่ายครับ แนะนำว่าให้เราเตรียมเอาระเบิดแสงมาด้วยจะทำให้การจัดการมันง่ายขึ้น โดยเฉพาะเวลาตอนที่มันบินให้เราเอาระเบิดแสงปายัดหน้ามัน จะทำให้มันร่วงลงมาที่พื้นได้ครับ ส่วนจุดอ่อนของมันจะอยู่บริเวณหัวเป็นหลัก ธาตุที่แพ้คือไฟและสายฟ้านั่นเอง แต่ธาตุน้ำจะทำอะไรมันไม่ค่อยได้ ในส่วนของสถานะผิดปกติสามารถใช้กับเจ้าตัวนี้ได้หมดเลยจ้า

หลังจากที่ทำบอลลลูนเสร็จแล้วเราจะไปสำรวจที่ Rotten Vale ได้ซึ่งเมื่อพร้อมเมื่อไหร่ให้เราไปคุยกับหัวหน้ากองเรือที่ 3 ครับ โดยเมื่อเรามาถึง Rotten Vale แล้วให้เราเดินสำรวจไปเรื่อยๆ โดยเป้าหมายของเราคือมองหาเจ้า Great Girros (แค่หาให้เจอเฉยๆ) และสำรวจทั่วๆ ไปในที่แห่งนี้ โดยจุที่ต้องระวังคือควันพิษที่อยู่รอบๆ เพราะหากเราสูดดมเข้าไปเลือดเราจะลดเรื่อยๆ หลังจากที่เราสำรวจไปเรื่อยๆ จะเจอกับซากปริศนาซึ่งเป็นซากของเจ้าถิ่นอย่าง Radoban แน่นอนว่าให้เราจัดการกับมันให้เรียบร้อย

Radoban

Radoban สามารถกลิ้งไปไหนมาไหนได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่แปลกใจที่มันมักจะหนีเราไปยังอีกฝั่งนึงของแผนที่บ่อยๆ ดังนั้นการล่ามันอาจจะต้องอดทนสักเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วมันเคลื่อนไหวไม่ค่อยไวสักเท่าไหร่ทำให้โดยรวมจัดการไม่ยากมากนัก จุดอ่อนใหญ่ๆ ของเจ้าตัวนี้จะอยู่ที่ขาและหัว แต่เราสามารถตัดหางมันเพื่อรับไอเทมหายากได้ ส่วนธาตุที่ใช้ได้ผลดีกับมันมากที่สุดคือมังกรและน้ำแข็่งตามลำดับครับ ส่วนการติดสถานะโดยรวมแล้วใช้ได้เกือบหมด

หลังจากจัดการกับเจ้าตัวเมื่อสักครู่ได้แล้วเราจะเจอกับหญิงปริศนาคนนึง ซึ่งเธอจะแนะนำตัวว่าเป็นคนที่ช่วยเราเอาไว้หลังจากที่ร่วงลงมาจากหน้าผา โดยเธอเป็นคนของหน่วยแรกที่มาทำงานอยู่แถวๆ นี้นั่นเองครับ โดยเรากับเธอจะแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน และตกลงกันว่าจะแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเมื่อพบกันในคราวถัดไป

Legiana

เมื่อเราเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วให้รับภารกิจ Assignment เพื่อจัดการกับเจ้า Legiana ส่วนใหญ่แล้วจะป้วนเปี้ยนไปมาในแผนที่นั่นแหละครับ ซึ่งการล่าเจ้าตัวนี้ถือว่ายากพอสมควรเลย หากลองสู้แล้วคิดว่าลำบากอาจจะลองไปหาพวกชุดที่กันน้ำแข็งได้มาจะง่ายขึ้นพอควรครับ โดยจุดอ่อนของเจ้าตัวนี้จะอยู่ที่บริเวณหัว,หาง และปีก ส่วนสถานะต่างๆ สามารถใช้กับเจ้า Legiana ได้หมดไม่ว่าจะเป็นพิษ/หลับ/ชา/ฯลฯ ส่วนธาตุที่ใช้ได้ดีจะเป็นสายฟ้าครับ ที่สำคัญในการล่าอย่าลืมพกระเบิดแสงมานะครับ เพราะเจ้านี่จะชอบบินไปมาบ่อยมากๆ ต้องใช้ระเบิดแสงยิงให้มันร่วงลงมาที่พื้น

หลังจากที่จัดการเจ้า Legiana ได้แล้วเราจะสามารถไปยังส่วนที่ลึกขึ้นของ Rotten Vale ได้แล้ว โดยก่อนจะไปแนะนำว่าให้เตรียมตัวให้พร้อมครับเพราะการไปในครั้งนี้จะต้องเจอกับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งมากๆ แนะนำว่าควรมีชุดที่พลังป้องกันเยอะๆ และอัพเกรดมาในระดับนึงแล้ว รวมถึงอาวุธด้วยเพราะเราต้องเจอกับเจ้า Odogaron ที่ถือว่าโหดมากๆ สำหรับผู้เล่นที่พึ่งเริ่ม

Odogaron

เมื่อเราพร้อมแล้วให้เลือกไปที่ภารกิจ Assignment และมายัง Rotten Vale ได้เลย โดยในคราวนี้เราจะเจอกับชิ้นส่วนของเจ้า Zorah Magdaros ในที่แห่งนี้ ซึ่งในระหว่างการสำรวจตัวเราและผู้ช่วยจะตงิดใจแล้วว่าที่แห่งนี้มีความหมายอะไร เมื่อเราสำรวจไปเรื่อยๆ จนถึงด้านในสุดจะพบกับเจ้าหมาแดงหรือ Odogaron เข้ามาก่อกวน แน่นอนว่าให้เราจัดการกับมันซะ ซึ่งเจ้าหมาแดงนี้ถือว่าเป็นตัวที่เก่งมากเลยทีเดียวครับ ดังนั้นระวังตัวให้ดีด้วย โดยของที่ควรจะพกมาคือ Astera Jerky ซึ่งเมื่อทานแล้วจะช่วยรักษาสถานะเลือดออกได้ (เป็นสถานะที่น่ารำค่าญมากๆ ) หรือหากเราโดนตีจนเลือดออกอีกวิธีนึงคือหาที่นั่งเฉยๆ เพื่อพักรักษาสักครู่ก็ได้ครับ สำหรับจุดอ่อนของเจ้าหมาตัวนี้จะอยู่ที่หาง หัว และขาหน้าครับ และธาตุที่ใช้ไดัดีกับมันคือน้ำแข็งรองลงมาคือสายฟ้า

เมื่อเราจัดการกับเจ้าหมาแดงเรียบร้อยแล้วคุณป้าที่เคยช่วยเราไว้จะพาเราไปดูยังสถานที่แห่งนึง และได้พูดคุยกันถึงเรื่องของ Rotten Vale แห่งนี้ โดยพวกเราจะให้ความเห็นว่ามันเป็นสุสานของเหล่ามอนสเตอร์ที่เลือกจะมาจบชีวิตของตัวเอง ณ ที่แห่งนี้ และเป็นศูนย์กลางของระบบนิเวศทั้งหมด โดยคุณป้าแกจะสันนิฐานว่า Zorah Magdaros น่าจะเดินทางมาตายที่นี่ แต่เรากลับไม่เจอซากของพวกมันเลย ซึ่งเป็นปริศนาที่เราจะต้องตามหาคำตอบ โดยคุณป้าแกจะแนะนำให้เราไปลองค้นหานักวิจัยไวน์เวิร์นกลุ่มแรก (First Wyverians) ที่อยู่มานานมากแล้ว และพวกเค้าน่าจะให้คำตอบเราได้

หลังจากที่เราแยกย้ายกับคุณป้าแล้วเราจะกลับไปรายงานกับปู่ที่อยู่ที่ฐาน ซึ่งทุกคนต่างงงว่าเจ้ามังกรโบรารหายไปไหน และได้ส่งเราไปหานักวิจัยไวน์เวริ์นที่ซ่อนตัวอยู่ที่ Ancient Forest โดยให้เราตามแกะรอยเท้าเค้าไปเรื่อยๆ ซึ่งเมื่อเราพบกับเค้าแล้ว First Wyverians จะบอกกับเราว่ายังไม่มีคุณสมบัติที่จะรู้เรื่องที่เราสงสัย และให้เราไปล่าสิ่งที่อยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารเพื่อพิสูจน์ตัวเองก่อน โดยให้เราไปสำรวจที่ Ancient Forest (Expedition)

Great Girros


Radobaan


Rhatalos & [ Azure Rathalos High Rank ]


เมื่อได้ทราบดังนั้นเราจึงต้องไปออกล่ามอนสเตอร์ 2 ตัวดังต่อไปนี้คือ Diablos และ Rhatalos ครับ ซึ่งเราจะล่าเลยหรือออกจากแผนที่ไปก่อนแล้วค่อยกลับเข้ามาใหม่ผ่านเควส Assignment ก็ได้ โดยการต่อสู้กับ Rhatalos นั้นจะยากพอสมควรเลยครับ ควรพกระเบิดแสงมาด้วยและควรอัพเกรดไอเทมต่างๆ เอาไว้ในระดับนึงก่อนมาสู้ ส่วนจุดอ่อนของ Rhatalos จะมีตรงปีก/หัว/หาง ครับ ธาตุที่ใช้ได้ดีคือมังกรและสายฟ้า ส่วนสถานะผิดปกติที่ใช่กับมันได้ดีคือชา สตั๊น และหลับ ที่ควรระวังอีกอย่างคือกงเล็บของมันเพราะมีพิษเคลือบด้วย หากเราติดพิษต้องแก้โดยการกิน Anditode

Diablos & [ Black Diablos High Rank ]

ต่อมาอีกตัวนึงที่เราจะต้องไปจัดการคือ Diablos ซึ่งถือว่าเป็นตัวที่ล่ายากมากๆ อีกตัวนึงเลยครับ โดยเมื่อเราพร้อมเมื่อไหร่ให้เรากดไปที่เควส Assignment โดยสถานที่ๆ เราจะเจอมันคือด้านบนๆ ของ Wildspite Waste อาวุธที่ใช้ได้ผลดีกับทันคือธาตุน้ำแข็งและรองลงมาคือน้ำกับมังกร ส่วนไฟจะใช้แทบไม่ได้เลยครับ ส่วนสถานะผิดปกตินั้นใช้ได้แทบจะทุกอย่างยกเว้น Stun จุดอ่อนของเจ้าตัวนี้จะอยู่ที่ท้อง/หัว/ปีก ในการต่อสู้ให้เราระวังท่ามุดดินและพุ่งชนของมันให้ดีเพราะแรงมากๆ


เมื่อเราจัดการกับมอนสเตอร์ทั้งสองตัวได้แล้วเราจะกลับไปพบกับ First Wyverian โดยอัตโนมัติ เค้าจะบอกกับเราว่ามันเดินทางไปยัง Everstream และกำลังหลงทางอยู่เ ลยตั้งใจจะจบชีวิตลงที่นั่น ซึ่งถ้าหากว่ามันทำได้สำเร็จดินแดนที่เราอยู่จะพลังทลายเพราะพลังชีวิตที่พลุ้งพล่านจากตัวของ Zorah Magdaros เพื่อที่จะหยุดยั้งผลลัพธ์นั้นพวกเราจึงตัดสินใจที่จะล่อมันให้ไปตายยังทะเลแทน เพื่อหลีกเลี่ยงการพังทลายของดินแดนที่เราอยู่

ศึกล้างตา Zorah Magdaros [ Low Rank End ]

หลังจากที่เราเตรียมตัวพร้อมแล้วให้เราเควสที่ชื่อว่า Colossal Task ซึ่งจะเป็นการตัดสินชะตาของเรากับเจ้ามังกรภูเขาไฟ Zorah Magdaros ซึ่งเมื่อภารกิจเริ่มขึ้นจะคล้ายๆ กับการต่อสู้ในครั้งแรก แต่เราจะมาอยู่บนหลังของมันเลย แน่นอนว่างานของเราคือการทำลายแกนทั้งหมดของมันนั่นองครับ โดยเมื่อเราทำลายแกนไปได้สักพักนึงจะมีเจ้ามังกรโบราณตัวเดิมอย่าง Negigante เข้ามาขัดขวาง ซึ่งเราจะต้องไปไล่มันไปก่อน โดยการต่อสู้จะไม่ยากมากครับ หลังจากสู้กับมันสักพักนึงมันจะหนีไป ให้เราไปทำลายแกนได้ต่อ

หลังจากที่ทำลายแกนไปสักพักหากเราทำลายไม่ทันจนบาเรียแตก เราจะต้องกลับไปป้องกันฐาน โดยการเล่นในช่วงนี้เราจะต้องยิงปืนใหญ่และหน้าไม่เพื่อทำให้เจ้า Zorah Magdaros อ่อนแรง ซึ่งในจังหวะที่มันเอามือลงมาพังกำแพงเราสามารถกระโดดขึ้นไปบนตัวมันเพื่อทำลายแกนต่อได้

เมื่อเราทำลายแกนมันจนหมดแล้วปู้่จะสั่งให้ใช้อาวุธทำลายล้าง จัดการเจ้ามังกรยักษ์ นั่นเองส่งผลให้มันยอมถอยกลับไปตายที่ทะเลในที่สุด เป็นชัยชนะที่งดงามของพวกเราครับ

เหมือนว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลงไปแล้ว แต่นี้จบในฉบับ Low Rank เท่านั้นคับ ต่อมาจะเป็นระดับ High Rank

เริ่มบทสรุป High Rank

หลังจากที่เราไล่เจ้า Zorah Magdaros ไปเรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างก็คิดว่าเรื่องทั้งหมดจบลงได้ด้วยดีแล้ว และหลายคนก็ดีใจที่กำลังจะได้กลับไปยังบ้านที่โลกเก่า แต่ทว่าก็มีเรื่องเข้ามาให้เราได้ปวดหัวให้เราได้ไปสำรวจ เพราะได้มีข่าวแจ้งมาว่ามีร่องรอยของมอนสเตอร์ Pukei-Pukei ไปปรากฎในสถานที่ ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้อย่าง Wildspire Waste เดือดร้อนถึงเราต้องเข้าไปทำการสำรวจกันครับ

ให้เราไปพูดคุยกับผู้ช่วยแล้วให้เราไปสำรวจที่แผนที่ Wildspire Waste โดยให้ลองไปสำรวจที่เขตป่าของแผนที่นี้ดูครับ (อยู่แถวทางด้านซ้าย) เราจะเจอกับสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้นั่นก็คือเจ้า Pukei-Pukei นั่นเอง ซึ่งแต่เดิมทีแล้วมันควรจะอยู่ที่ Ancient Forest แต่ถึงอย่างไรงานของเราก็ยังเหมือนเดิมครับนั่นคือจัดการกับเจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้ให้เรียบร้อย ซึ่งจากเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้พวกเราถึงกับต้องประชุมหารือกันเป็นการใหญ่เนื่องจากมอนสเตอร์ที่พบเจอในช่วงนี้มีความดุร้ายมากกว่าปกติ และอยู่ผิดที่ผิดทาง อีกทั้งยังพบร่องรอยที่น่าจะเป็นของ Rathian สายพันธ์ใหม่อีกด้วย

ปลดล็อค High-Rank

ในช่วงนี้เราจะสามารถปลดล็อคแผนที่ของเกมในระดับ Hi-Rank ได้แล้วครับ ซึ่งในโหมด Hi-Rank มอนสเตอร์ต่างๆ จะมีความเก่งกาจมากขึ้นและมีความดุร้ายมากกว่าเดิม โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะเล่นในระดับปกติหรือ Hi-Rank ในหน้าต่างสำรวจ แต่หากเรารับเควสผ่านบอร์ดหรือผู้ช่วยเราจะเลือกระดับไม่ได้ แต่เกมจะกำหดนระดับให้เอง สังเกตุได้ว่าหากเป็นดาวสีส้มนั่นหมายถึงเป็น Hi-Rank แน่นอนครับ

แผนที่ภายในเกมจะสามารถเลือก Low Rank หรือ Hi Rank ได้แล้ว

นอกจากแผนที่ใหม่ที่ถูกปลดออกมาแล้วเรายังสามารถสร้างเครื่องมือและอุปกรณ์ใหม่ๆ ได้ด้วย โดยสังเกตุได้จากที่ Work Shop จะมีชุดใหม่ๆ ในระดับ Hi-Rank ซึ่งต้องใช้วัตถุดิบของมอนสเตอร์ระดับสูงจึงจะสามารถสร้างได้เพิ่มออกมา โดยของที่ได้จากมอนสเตอร์ในระดับ Hi-Rank สังเกตุดูส่วนใหญ่จะมีเครื่องหมาย + ต่อท้ายครับ

Note : ชุดในระดับ Hi Rank จะแบ่งออกเป็น Alpha (รูปตัว α ) และ Beta (รูปตัว β) โดยชุด Alpha จะมีสกิลระดับสูงกว่าแต่จะไม่มีช่องให้ใส่เพชรเพิ่มครับ ส่วนอุปกรณ์ Beta แม้จะมีระดับสกิลต่ำกว่าหรือน้อยกว่าแต่เราจะสามารถหาอัญมณีมาใส่เพื่อเพิ่มสกิลที่ต้องการได้ โดยในช่วงแรกแนะนำว่าให้ทำ Alpha ไปก่อน พอเริ่มมีอัญมณีเยอะๆ ค่อยทำ Beta ครับ

หาร่องรอย Rathian & [ Pink Rathian High Rank ]

หลังจากที่ประชุมเรียบร้อยแล้วเราจะถูกส่งไปหาข้อมูลเพิ่มเติมถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเราจะต้องออกไปหาร่องรอยของมอนเสอตร์ปริศนาเพิ่มเติม โดยในระหว่างนี้ให้เราทำเควสไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสะสมร่องรอยของ Rathian ได้ในระดับนึงครับ ซึ่งเราจะพบเจอกับร่องรอยของมันได้จากการเล่นภารกิจต่างๆ หรือสำรวจในแต่ละแผนที่ของเกม ในระดับ Hi-Rank ได้ทุกฉาก

เมื่อเราหาร่องรอยมาสักระยะนึงเราจะถูกขอร้องให้ไปจัดการกับเจ้า Anjanath ที่อยู่ใน Wildspire Waste ซึ่งนักล่าแต่ละคนต่างขยาดกับมันเป็นอย่างมาก โดยวิธีการสู้ก็คล้ายเดิมเลยครับเพียงแต่จะยากกว่าเดิมนิดนึง โดยเราอาจจะต้องเตรียมตัวสักหน่อยโดยการหาอาวุธและอุปกรณ์ที่ดีขึ้นมาใช้ครับ

ปล.ให้เราระวังหางของ Rathian ดีๆ เพราะหางของมันสามารถติดพิษได้ เป็นไปได้ให้ตัดหาง Rathian จะดีกว่าคับ

หลังจากจบจบเควส Anjanath แล้วให้เราไปหาร่องรอยของเจ้า Rathian ต่อจนเควสปรากฎขึ้นมาที่ตัวลุง Chief Ecologist โดยลุงแกจะบอกกับเราว่าร่องรอยที่เจอชี้นำไปที่ Coral Highland ซึ่งหลังจากคุยจบจะมีเควสให้เราไปคุยกับปู่ Commander แน่นอนว่าเค้าจะสั่งให้เราไปล่าเจ้า Rathian นั่นเองครับโดยเควสคราวนี้คือ Old World Monster in the New World เราสามารถเลือกทำเควสได้ที่บอร์ดเลย

Old World Monster in the New World

หลังจากที่จัดการกับเจ้า Rathian ได้แล้วเราจะสรุปกันว่ามันเป็นมอนสเตอร์สายพันธ์ย่อยของ Rathian ที่ย้ายถิ่นฐานมายังโลกใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากๆ และไม่เคยพบเห็นมาก่อน ในระหว่างทีเราคุยกันว่ามันมีที่มาจากไหนหัวหน้าใหญ่แห่งคณะสำรวจก็ได้กลับมาจากการเดินทางอันแสนนานและได้ให้ข้อมูลกับเราว่าตัวเค้าเองพอจะรู้ว่าเจ้ามอนสเตอร์พวกนี้มาจากไหน นั่นก็คือสถานที่ซึ่ง Zorah Magdaros ได้ตายไปนั่นเอง พร้อมกับบอกให้เราไปเจอกับเค้าที่ Evenstream

Note : ในตอนนี้ตัวเกมจะปลดล็อคแร่ชนิดใหม่ซึ่งสามารถอัพเกรดอุปกรณ์ได้ดีกว่าเก่าครับ

เมื่อเราตาม Admiral หรือผู้การไปยังที่หมายแล้วเค้าจะพาไปดูสถานที่ซึ่งน่าจะเป็นที่มาของ Rathian ปริศนาที่เราได้เจอ นั่นก็คือ Elder’s Reccess นั่นเอง ซึ่งสถานที่นี้เต็มไปด้วยมอนสเตอร์แปลกๆ ที่เราไม่เคยพบมาก่อน และมีปริศนาที่พวกเราสงสัยก็คือทำไมเจ้า Zorah Magdaros ถึงต้องขุดทะลุมายังสถานที่แห่งนี้ด้วย เพื่อที่จะหาคำตอบนั้นงานของเราก็คือต้องสำรวจดูสถานที่นี้นั่นเองครับ ภารกิจคือให้เราตามรอยของเจ้า Nergigante และตามรอยของมอนสเตอร์ที่อยู่ภายในแผนที่นี้ สำหรับร่องรอยของเนกิกันเต้สังเกตุได้ว่ามันจะมีสีฟ้าครับเวลาที่หิ่งห้อยพบกับพวกมัน แต่ก่อนอื่นให้เราหามอนสเตอร์ที่อยุ่ในแมพนี้ทั้ง 3 ตัวให้เจอทั้งหมดก่อนคือ Dodogama /Lavasioth/Uragaan แต่ไม่ต้องสู้กับพวกมันแต่อย่างใด สามารถหนีได้เลยหลังจากเจอ

หลังจากที่เราเจอกับมอนสเตอร์ทุกตัวครบแล้วแต่ยังหาร่องรอยของเจ้า Nergigante ไม่เจอผมแนะนำให้ออกจากการสำรวจแล้วกลับเข้ามาในแผนที่ Elder’s Reccess ใหม่ครับ และเมื่อเราเก็บร่องรอยไปได้สักพักเควสจะชี้ให้เราไปคุยกับ Chief Ecologist โดยเค้าจะบอกว่าจากร่องรอยที่ได้รวบรวมมาพบว่าเจ้า Nergigante นั้นกิน Elder Dragon ด้วยกันเป็นอาหาร เป็นคำตอบที่ว่าทำไมเราถึงได้พบกับมันพร้อมกับมังกรโบราณอย่าง Zorah Magdaros เมื่อเราคุยกับแกเสร็จให้ไปหาลุง Commander เค้าจะบอกว่าระบุตำแหน่งของ Nergigante ได้แล้ว แน่นอนว่าเป็นงานของเราอีกนั่นแหล่ะที่ต้องไปล่ามัน โดยเมื่อเราเตรียมตัวพร้อมแล้วให้ไปคุยกับผู้ช่วยได้เลย และรับเควสที่ชื่อว่า A Wound and a Thirst

*Note : ในการล่าเจ้า Nergigante นั้นถือว่าเป็นอะไรที่ยากมาก ควรเตรียมของเอาไว้ให้พร้อม หรือกด SOS เพื่อขอความช่วยเหลือครับ แต่ในการเข้าเล่นตอนแรกจะยังขอความช่วยเหลือไม่ได้ต้องหลังจากดูคัทซีนจบก่อน

การต่อสู้กับ Nergigante

ในการสู้กับเนอกิกันเต้ถือว่าเป้นตัวที่ค่อนข้างยากครับ ก่อนจะสู้ควรมีเกราะที่อัพเกรดมาพอสมควรแล้ว เนื่องจากเจ้าตัวนี้มีท่าที่ทำให้เราถึงตายได้หลายท่ามากๆ สำหรับคนที่มาถึงใหม่ๆ แนะนำว่าการเรียกเพื่อนมาช่วยสู้โดยการกด SOS ก็ถือว่าเป็นวิธีที่ไม่เลวครับ โดยท่าที่น่ากลัวที่สุดที่เราต้องระวังคือท่าถไลลงพื้นของเจ้าตัวนี้นั่นเองเพราะหากเกราะยังไม่ค่อยแรงโดนทีเดียวรับรองถึงตายได้เลยครับ

สำหรับอาวุธที่เจ้าเนอกิกันเต้แพ้ทางนั้นจะเป็นธาตุสายฟ้าโดยผมแนะนำว่าให้ทำอาวุธธาตุสายฟ้าอย่างต่ำสักแรงค์ 6 มาสักชิ้นเพื่อจัดการกับมันครับ โดยวัตถุดิบของในแรงค์ปลายๆ หลายชิ้นเราสามารถหาได้จากแผนที่ Elder’s Reccess นี้เอง เช่นพวกแร่ต่างๆ ครับ ดังนั้นทำเอาไว้ให้พร้อมก่อนสู้ด้วยจะเล่นง่ายขึ้นมากๆ และถ้าหากว่าใครอยากได้ไอเทมเยอะๆ แนะนำให้พยามตัดหางหรือทำลายเขาของมันครับ แต่การทำลายเขาอาจจะเป็นอะไรที่แอบยากสักหน่อย มีคำแนะนำคือตอนที่มันหนีไปพักที่รังให้รวมตัวกับเพื่อนๆ วางระเบิด Mega Barrel Bomb ตรงหัวของมันครับ

แกะรอยมังกรโบราณ

เมื่อจัดการกับ Nergigante เรียบร้อยแล้วแล้วยังเหลือคำถามที่ว่าทำไมพวกมอนสเตอร์ถึงโดนดึงดูดให้ไปยัง Elder’s Reccess แต่เรื่องนั้นเป็นคำตอบที่เรายังไม่อาจจะทราบได้ ณ ตอนนี้ โดยหลังจากที่เรากลับมายังฐานทัพเรียบร้อยแล้ว คณะสำรวจจะพูดคุยกันถึงปัญหาที่เกิดจากการที่เจ้าเนกิกันเต้ไปรบกวนเจ้าถิ่นใน Elder’s Reccess ทำให้ Elder Dragon หลายตัวต้องย้านถิ่นฐานและกระจายไปยังสถานที่ต่างๆ โดยจะมี 3 ตัวที่ทางคณะสำรวจสามารถตามร่องรอยได้บ้างแล้ว โดยปู่ Commander จะแบ่งคณะสำรวจออกเป็ย 3 ทีม ซึ่งแกก็แบ่งไปงั้นแหละสุดท้ายเราก็ต้องออกไปหาอยู่ดี (ฮา)

ก่อนที่จะค้นหามังกรโบราณแต่ละตัวให้เราคุยกับ NPC ต่างๆ ที่มีเควสให้เรียบร้อยก่อน โดยจะแบ่งออก Field Team Leader ดูแลการค้นหา Ancient Forest, อาจาร์ยของ Field Team Leader ดูแล Wildspire Waste สุดท้ายคือ Third Fleet Master ดูแลการค้นหาที่ Rotten Vale ครับ

ในการแกะรอยมังกรโบราณต่างๆ ให้เราเข้าไปที่โหมดสำรวจหรือเข้าไปทำเควสตามด่านต่างๆ ก็ได้ในระดับ Hi-Rank โดยแต่ละพื้นี่จะมีร่องรอยของพวก Elder Dragon อยู่ให้เราเก็บสะสมร่องรอยจนครบในแต่ละตัวแล้วไปคุยกับ Ecological Research เพื่อปลดล็อกเควส Assignment เพื่อล่าพวกมัน โดยร่องรอยของพวก Elder Dragon สังเกตุได้ว่าจะเป็นสีน้ำเงินครับ เราสามารถหามันได้ตามแมพทั้งสามแมพ ที่กล่าวไว้ด้านบน

หลังจากที่เราหาร่องรอยของตัวไหนครบแล้วเควสจะปรากฎออกมาให้เราได้เข้าไปล่าพวกมันกัน ซึ่งมังกรโบราณแต่ละตัวก็จะมีวิธีการต่อสู้แตกต่างกันออกไป สำหรับคำแนะนำโดยคร่าวๆ ของผมคือควรจะมีอาวุธที่ทำจาก Nergigante สักชิ้นก่อนครับจะทำให้การเล่นง่ายขึ้นมาก หรือไม่ก็็อาจจะหาอาวุธที่โจมตีธาตุมังกรแรงๆ ไว้สักชิ้นก็ได้ครับ

*Note : สาเหตุที่แนะนำให้หาอาวุธของเจ้า Nergigante มาสักชิ้น เพราะอาวุธที่ทำจากมันจะมีสกิล Elderseal ที่ช่วยลดความสามรถของพวก Elder Dragon (สังเกตุดูว่าอาวุธมีสกิลนี้ไหมในช่องสกิลได้เลย)

ผลของสกิล Elderseal
Elderseal เป็นสกิลที่จะทำให้ออร่าของพวกมังกรโบราณอ่อนพลังลงหรือหยุดชั่วคราว ทำให้รับมือได้ง่ายขึ้น

Trostra : ลดออร่าพลังไฟกับ Blast ลง ออร่านี้จะป้องกันอาวุธระยะไกล การปิดออร่านี้จะช่วยให้มันใช้ท่าอันตรายอย่าง Supernova ไม่ได้ด้วย
Kushala Daora : ลดออร่าลมลง ลมนี้จะป้องกันอาวุธระยะไกลและผลักนักล่าให้เศล้มลง
Vaal Hazak : ลดออร้่เน่าเปื่อย Effluvium ที่มันปล่อยออกมาลง และส่งผลให้มันโจมตีเบาลง

Elder Dragon ทั้งสามตัว

เนื่องมาจากพวก Elder Dragon หลายตัวได้หลุดออกมาจาก Elder’s Reccess และกระจายไปตามแผนที่ต่างๆ ลังจากที่เราได้เก็บ Track หรือร่องรอยของพวกมันครบแล้วและไปคุยกับ Chieft Ecologist จะมีภารกิจขึ้นมาให้เราได้ทำ โดยในภารกิจเราจะได้เจอกับพวกมังกรโบราณสุดโหดแต่ละตัวดังนี้ครับ

Kushala Daora

เป็นมังกรโบราณที่ผมคิดว่าน่าจะง่ายที่สุดใน 3 ตัวเลยขอเอามาเป็นตัวแรก เจ้าตัวนี้เราจะสามารถเก็บร่องรอยได้จาก Ancient Forest หลังจากที่เก็บครบแล้วเราจะได้ไปเจอกับมันที่ Elder’s Reccess ในการต่อสู้กับเจ้าตัวนี้จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่ายครับ เพราะท่าของมันจะค่อนข้างซ้ำซาก เราต้องอาศัยความอดทนพอสมควรในการต่อสู้กับมัน โดยจุดที่น่ารำคาญคือท่าลมพายุที่มันปล่อยออกมาทำให้เราไม่สามารถเข้าไปจัดการกับมันได้ง่ายเท่าไร่นักครับ แนะนำว่าให้พก Flash Pot และแมลง Flash Bug มาเยอะๆ เราะจะช่วยเราได้มาก พอเราเห็นเจ้าตัวนี้บินเมื่่อไหร่ก็ยิงให้ร่วงมาฟันได้เลย โดยจุดอ่อนเค้าจะอยู่บริเวณ หัว/ขาหน้า/หาง ครับ สำหรับอาวุธธาตุที่ใช้ได้ผลดีคือสายฟ้าและมังกร ส่วนสถานะผิดปกติถ้าจะให้ดีควรมีสถานะพิษหรือระเบิดครับ

Note : แนะนำว่าหหากเจ้ามังกรตัวนี้บินอยู่ให้ดูว่ามันกำลังอยู่ในพายุไหม หากใช่ให้รอสักแปบนึงก่อนแล้วค่อยยิงให้ร่วงจะทำให้เราเข้าไปจัดการได้ง่ายขึ้นครับ

Vaal Hazak

มังกรตัวนี้เราจะพบกับร่องรอยของมันได้ในแผนที่ Rotten Vale โดยหลังจากที่เราเจอร่องรอยครบและรับเควสเพื่อมาสู้กับมันแล้ว เราจะพบมันครั้งแรกในหห้องบริเวณในสุด (ให้ตามร่องรอยไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอ) การต่อสู้กับเจ้าตัวนี้ค่อนข้างน่ารำคาญสักหน่อยครับ เพราะมันจะชอบปล่อยหมอกที่ทำให้เลือกสูงสุดของเราลดลง ซึ่งมันหลบค่อนข้างยากเลยทีเดียว หากมันใช้สกิลพ่นหมอนนี้ล่ะก็ให้รีบออกมาให้ไวที่สุดหากเราติดสถานะผิดปกติที่ทำให้เลือกลดลงสามารถแก้ได้โดยการกิน Nulberry ครับ (ไม่ต้องเสียดายหากหมดกลับไปเติมแล้วมาสู้ใหม่ก็ได้ เพราะใช้เยอะแน่นอนหากมาสู้กับมันครั้งแรกๆ )

Teostra

มังกรโบราณที่เราจะพบร่องรอยของมันได้ที่ Wildspire Waste หลังจากที่รับเควสเรียบร้อยแล้วเราจะได้ไปสู้กับมันในแผนที่ Elder’s Reccess โดยเจ้าตัวนี้เป็นมอนสเตอร์ที่สามารถอยู่ในลาวาได้ ดังนั้นอย่าลืมพก Cool Drink เวลาเข้าไปในโซนเขตลาวาด้วยครับ

สำหรับการต่อสู้ให้ระวังสะเก็ดเล็กๆ จากการสะบัดปีกของ Teostra เพราะมันจะกระจายไปเป็นบริเวณกว้างจนกว่าพวกมันจะถูกประกายไฟให้ปะทุและระเบิดอย่างรุนแรง เพราะงั้นอย่ามองข้ามละอองเหล่านี้เป็นอันขาดครับ ถ้าจะให้ดีหาอาวุธที่มีสกิล Elderseal มาใช้จะช่วยทำให้สู้ได้ง่ายขึ้นครับ

จุดสิ้นสุดของเรื่องราว

หลังจากที่จัดการกับมังกรทั้งหมดเรียบร้อยแล้วเมื่อเรากลับไปที่ฐานทัพผู้การผู้การจะบอกว่าเพื่อนของเค้าได้เจอกับศูนยืกลางของสิ่งผิดปกติที่ทำให้พวกมังกรโบราณทำตัวแปลกไปจากเดิม ซึ่งคนที่ฝากข่าวนี้มานั่นก็คือชายปริศนาที่เราเคยพบที่ Wildspire Waste โดยศึกในครั้งนี้จะใหญ่หลวงมากๆ และการต่อสู้ค่อนข้างยืดเยื้อแนะนำว่าให้เราเตรียมไอเทมเอาไว้ให้พร้อมครับ โดยเฉพาะพวกยาเพิ่มเลือดต่างๆ รวมไปถึงอาวุธด้วย เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้วให้เราไปคุยกับผู้ช่วยของเราซึ่งเธอจะบอกว่ารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่และมีลางสังหรณ์แปลกๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็พร้อมที่จะเดินทางไปกับเราด้วย เมื่อคุยกันเรียบร้อยแล้วให้เรารับเควสที่ชื่อว่า Land of Convergence ครับ

หลังจากที่รับเควสมาแล้วเราจะมาอยู่ที่สถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง โดยในที่นี้เรราจะได้พบกับผู้การและชายที่เราเคยเจอในช่วงต้นเกมครับ เค้าจะบอกกับเราว่าด้านในที่เรากำลังจะไปกันนั้นเป็นจุดที่พลังงานมาบรรจบกันอยู่ที่ปลายแม่น้ำ และเค้าเชื่อว่าหากเข้าไปด้านในจะต้องพบกับบทสรุปของเรื่องราวแน่ๆ พร้อมกับบอกให้เราเตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะลงเรือไป ซึ่งถ้าหากเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วให้พูดคุยกับ The Seeker เพื่อไปลุยกันได้เลยครับ

เมื่อเราล่องเรือมาจนถึงด้านในสุดสิ่่งที่พวกเราได้พบคือมังกรปริศนาขนาดใหย่ทที่น่าจะพึ่งเกิดมาลืมตาดูโลก แต่ทว่าพลังของมันนั้นกลับมีมหาศาลเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะหยุดมันก่อนที่จะหลุดออกไปสร้างความเสียหายให้กับโลกภายนอก

การต่อสู้กับมังกรปริศนา / Xeno’jiiva

ในการต่อสู้กับเจ้ามังกรตัวนี้นั้นโดยรวมแล้วไม่ยากเท่าไหร่ครับ ถึงแม้ว่าขนาดตัวของมันจะใหญ่มากๆ แต่ท่าโจมตีก็ไม่ค่อยจะซับซ้อนเท่าไหร่ โดยมี่ท่าที่เราจะต้องระวังเป็นอย่างมากคือท่าพ่นลำแสงออกจากปากมันนั่นเองครับ และอีกท่านึงคือท่าพุ่งทับของมันซึ่งหากโดนไปเต็มๆ จุกเอาได้เหมือนกัน และที่อันตรายที่สุดคือในช่วงที่บริเวณรอบๆ ของมันเปร่งแสง จะมีระเบิดโผล่ออกมาจากพื้น ท่านี้อันตรายมากๆ แนะนำว่าให้หลบให้ดีๆ ครับ

เจ้าตัวนี้จุดอ่อนของมันจะอยู่ที่บริเวณขาหน้า/หาง/หัว โดยจุดที่โจมตีง่ายที่สุดคือขาหน้าครับและค่อยไปตัดหางหรือหัวต่อไป (หางสามารถตัดเพื่อรับไอเทมเพิ่มได้) ในการต่อสู้จะต้องอดทนหน่อยครับเพราะมันหนามากกกก(ก.ไก่ ยาวๆ ) โดยรางวัลที่รอเราอยู่คือฉากจบที่สวยงามของเกมครับ

สรุปฉากจบ High Rank

หลังจากที่เราจัดการกับเจ้ามังกรปริศนาได้แล้วเราจะพบว่าตัวเองฟื้นขึ้นมาในห้องพักของ Astera โดยทุกคนจะมาแสดงความยินดีให้กับเราที่ช่วยไขถึงปรืศนาลึกลับที่พวกมอนเสอตร์เกิดอาการผิดปกติขึ้นมาได้ ทำให้งานของคณะสำรวจลุล่วงไปด้วย ดังนั้นทางคณะสำรวจจึงได้เตรียมตัวจัดงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่เพื่อฉลองกันอย่างเต็มที่

ในระหว่างที่งานเลี้ยงกำลังไปได้สวยทางปู่คอมมานเดอร์ก็ได้รับจดหมายจากทางฐานบัญชาการ ได้ประกาศถึงชื่อมังกรปริศนาที่เราจัดการได้ว่า Xeno’Jiira นอกจากนี้ทางสมาคมยังมองเห็นถึงความสำคัญของคณะสำรวจและสถานที่แห่งนี้ยังมีผลประโยชน์และเรื่องที่ยังศึกษาได้อีกมากมาย ปู่แกจึงได้ถามกับเหล่าสมาชิกคณะสำรวจทุกคนว่าจะทำอย่างไรกันต่อจะกลับหรือจะลุยกันต่อ แน่นอนว่าทุกคนย่อมเลือกที่จะลุยกันต่อแน่นอนอยู่แล้ว….

หลังจบเนื้อเรื่อง…

หลังจากจบเนื้อเรื่องแล้วใช่ว่าชีวิตในการเป็นฮันเตอร์ของเราจะจบครับ ตัวเกมยังมีอะไรให้เราทำอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกหามอนเสตอร์แปลกๆ หรือต่อสู้กับมอนสเตอร์ในระดับที่สูงขึ้นมาจากปกติ (จะมีกรอบสีม่วง) โดยพวกนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นตัวเดิมแต่ก็จะเก่งขึ้นมากๆ และโดยระดับ Hunter Rank ของเราหลังจากเล่นจบเนื้อเรื่องจะถูกปลดล็อคออกและจะสามารถเลื่อนขึ้นได้เรื่อยๆ โดยจะมีการตันเมื่อระดับสูงขึ้นถึงจุดนึงและจะปลดได้โดยการทำเควสครับ

แน่นอนว่าตอนนี้มีอะไรอีกมากมายให้เราได้ลองเล่นกัน ตรงนี้ก็แล้วแต่ว่าผู้เล่นอยากจะทำอะไรกันต่อ ออกสะสมอาวุธให้ครบ เก็บ Hunter Rank ให้ถึงเกิน 100 หรืออาจจะหยุดพักเพื่อรอแพทช์ใหม่ๆ ของตัวเกมที่น่าสนใจ ฯลฯ โดยกบจะขอแบ่งหัวข้อหลักๆ ที่เราจะทำช่วงจบเกมดังนี้

เก็บ Hunter Rank

หลังจากที่เนื้อเรื่องจบลงเราจะสามารถเก็บค่า HR หรือ Hunter Rank ได้ซึ่งมีค่า Max อยู่ที่ 999 เลยทีเดียว โดยเมื่อเราเก็บ HR ถึงระดับนึงจะมีเควส Assignment ใหม่ปลดออกมา โดยค่า HR จะโดนล็อคตอน 29/49/100 ซึ่งมีรายละเอียดเบื้องต้นดังนี้

Bazelgeuse

เควสปลดล็อคตอนเลเวล 29

ผู้เล่นจะต้องสู้กับ Bazelgeuse คลั่ง 2 ตัว ซึ่งยากมากๆ แนะนำให้ล่อให้มันตีกันเองแล้วค่อยเนียนไปจัดการ หรือใจเย็นๆ แล้วไปจัดการทีละตัว ส่วนตัวกบพกกับดักไปเยอะๆ แล้วไล่เก็บทีละตัว พอกับดักหมดก็กลับไปเอาที่แคมป์แล้วมาต่อ ทำวนๆ ไป

Kirin

เควสปลดล็อคตอน 49

เราจะต้องสู้กับ Kirin ที่กำลังบ้าคลั่ง ซึ่งปกติก็ยากมากกกกกกก อยู่แล้วแต่มาในคราวนี้ต้องบอกว่าโคตรยาก เทคนิคที่กบคิดว่าง่ายที่สุดคือ เอาระเบิดไปวางดักหน้าทางที่มันจะผ่านพอระเบิดหมดก็กลับฐาน เอาระเบิดมาใหม่ ทำวนไปเรื่อยๆ ข้อดีของวิธีนี้คือคิรินค่อนข้างขี้ลืม หากเราวนกลับมาใหม่ส่วนใหญ่จะลืมเราแล้ว ทำให้มีโอกาสเอาระเบิดไปวางใกล้ๆ มันได้เรื่อยๆ นอกเหนือจากวิธีนี้แล้วหากใครอยากจะบู๊แบบไม่ต้องพึ่งตัวช่วยแนะนำให้หาของกันสายฟ้ามาดีๆ และหาพวกยาบัฟต่างๆ มาใช้เพราะไม่อย่างนั้นนอนกองอยู่กับพื้นแน่นอน และที่สำคัญมากเลยคือผ้าคลุมกันสายฟ้า อย่าลืมทำเควส Optional หามาใช้่กันด้วย!!

การปลดล็อค เควสมอนสเตอร์สีม่วง

ในการปลดเควสมอนสเตอร์ม่วงหรือ Tempered มอนสเตอร์ (บางคนอาจเรียกมอนคลั่ง) เราจะต้องไปเก็บ Track ตามแผนที่ต่างๆ ครับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเจอใน Expedition แต่หากอยากเจอไวๆ ลองติดเควสเพื่อนๆ ที่รับเควสของมอนสเตอร์ม่วงเอาก็ได้ครับ แน่นอนว่ารอยเท้าของพวก Tempered Monster นั้นจะเป็นสีฟ้าเช่นเดียวกับพวกมอนสเตอร์ในตำนานนะ โดยบางเควสเราอาจจะต้องเก็บรอยเท้าเยอะหน่อยจึงจะโผล่ หรือบางทีที่ไม่โผล่อาจจะเพราะว่าเรา HR Rank ยังไม่ถึงครับ

หาอัญมณี

การหาอัญมณีเองก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ผู้เล่นนิยมกันครับ เพราะพวกอัญมณีหายากต่างๆ หรือระดับที่สูงขึ้นส่วนใหย่แล้วเราจะได้มาจากเควสที่ยากๆ ซึ่งความสนุกอีกอย่างนึงของเกม Monster Hunter ก็คือการหา Jewel หรืออัญมณีมาใส่เพื่อทำให้ตัวละครของเราแข็งแกร่งขึ้นนั่นเอง

เก็บสะสม Medals

Medals ภายในเกม Monster Hunter World นั้นก็เปรียบเสมือนกับ Achivement ดีๆ นี่เองครับ เรียกได้ว่าเป็นความสุขอย่างนึงของเหล่าเกมเมอร์ที่เหมือนเป็นรางวัลในความพยามนั่นเอง โดยเกมนี้มี Medals ให้เราได้ปลดล็อคเยอะมากๆ เพื่อนๆ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดทั้งหมดได้ที่เว็บนี้ครับ

เรียกได้ว่าเป็นเกมที่ยาวมากๆ เลยทีเดียวสำหรับ Mosnter Hunter World ซึ่งถ้าหากอยากจะเก็บรายละเอียดของเกมให้ครบล่ะก็ กบเชื่อว่าต้องเล่นเกิน 100 ชั่วโมงแน่ๆ ซึ่งสำหรับผู้อ่านที่แวะเวียนมาทุกคนทางผมเองก็ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ ที่อยู่ร่วมกันมาและอ่านบทความนี้จบจบทุกคนนะครับ

DevilJho จอมเขมือบ

ได้เวลาอกสั่นขวัญแขวนกันแล้วสำหรับชาว Monster Hunter World PC กับ patch update ล่าสุดในวันพรุ่งนี้ ที่จะมาพร้อมกับเจ้าตัวป่วนภาคพื้นดิน Deviljho และ patch แก้ไขอาการหลุดเพิ่มเติม ซึ่งขอบอกเลยว่าถ้า Bazelgeuse เป็นตัวป่วนเวหาแล้ว เจ้า Deviljho จะทำให้นักล่าต้องหนาวดึ๋งบนพื้นล่ะ

Monster Hunter World Deviljho Update

กำหนดการ : ประมาณวันที่ 6 กันยายน (ตีเป็นเวลาบ้านเราจะช่วงประมาณ 7 โมงเช้าวันที่ 6 จ้า)

► สิ่งที่เพิ่มมา

เพิ่มมอนสเตอร์ตัวใหม่ Deviljho (รวมถึงตัวอาวุธ, ชุดเกราะ Vangis α และ β)
เพิ่มผ้าคลุม Dragonproof Mantle
เพิ่ม DLC ชุดของ Handler ใหม่ : Astera 3 Star Chef Coat
*เจ้า Deviljho จะโผล่มาถล่มเควสในระดับ 6* ขึ้นไปหลังจากที่นักล่าผ่านเควส ??? Rathian ตามเนื้อเรื่องได้สำเร็จแล้วเท่านั้น และหลังผ่านเงื่อนไขเฉพาะ จะมีภารกิจพิเศษของเจ้า Deviljho เพิ่มมาด้วย*

► แก้ Bug

  • แก้ปัญหาการหลุดเพิ่มเติม
    1. หากเจ้าของห้องหลุดระหว่างเล่นเควส ตัวเกมจะยังคง Session ไว้ถ้ายังมีคนอยู่ในนั้น ไม่ถีบออกมาทุกคน
    2. หากหลุดจาก Steam ตัวเกมจะพยายามเชื่อมต่อกลับให้ ยกเว้นเชื่อมต่อกลับไม่สำเร็จจึงจะหลุดออกมา
  • แก้ปัญหาเครื่องช้าจากการแสดงผลของสายฟ้าในบางพื้นที่, เมื่อทำหลัง Bazelgeuse แตก
  • แก้บัคที่ผู้เล่นจะค้าง กดออกจากเมนูเปลี่ยนชื่อหมูไม่ได้
  • แก้บัค Limited Bounty แสดงผลไม่ครบหากดูใน Offline mode
  • แก้ข้อความที่ผิดของการสร้าง Session แบบส่วนตัว (ผู้เล่นสามารถ Join ได้ถ้ามี ID เท่านั้น)
  • แก้ข้อความที่ผิดในภาษา Arabic ในกิลการ์ด
  • Patch ต่อไปของตัวเกมจะเป็นหมายเลข 152771 ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ที่มุมบนซ้ายของตัวเกม ผู้เล่นที่มีเวอร์ชั่นของตัวเกมไม่ตรงกันจะเล่นด้วยกันไม่ได้

Kulve Taroth คุณนายแพะทอง

Kulve Taroth หรือคุณนายแพะทอง เป็นมอนสเตอร์พิเศษใน Monster Hunter World ที่เปลี่ยนแนวทางการเล่นจากเควสธรรมดาๆ ให้เป็นแนว Raid หรือ Siege ที่ทุกคนใน Session นั้นๆ จะมีส่วนร่วมในเควสไปพร้อมๆ กัน ทำให้รูปแบบการล่ามีความสนุก เร้าใจมากขึ้น และก็มีค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อเป็นการสุ่มอาวุธดีๆ ให้ผู้เล่นได้เกลือกันไปพร้อมกันถ้วนหน้า (ฮา)

ปลดล๊อคเควส Kulve Taroth

การจะปลดล๊อคตัวเควสนั้น เพื่อนๆ จะต้องมี HR 16 เป็นขั้นต่ำก่อน (จบเนื้อเรื่องหลังกำจัด Xeno’jiiva ไปแล้ว) และสำรวจหาร่องรอยของเจ๊แพะตามแผนที่ต่างๆ ซึ่งในจุดนี้จะไม่ใช่ Special Quest แต่อย่างใด แค่เพื่อนๆ หาร่องรอยของกองทองให้เจอซักอันก็เป็นอันเรียบร้อยจ้า และบอกเลยว่าหาได้ง่ายมาก เจอได้ทั่วไปจริงๆ

หลังจากที่สำรวจร่องรอยได้แล้ว ให้กลับมายังฐานของเรา และคุยกับ Admiral (ผู้การใหญ่ช่วงหลังของเกม) ที่ทางออกจากฐาน จากนั้นเราจะได้ไปคุยกับเหล่านักวิจัยเพิ่มเติมถึงเรื่องราวของ Kulve Taroth ก็เป็นอันเรียบร้อย เราพร้อมที่จะเปิดเควสล่าคุณนายแพะได้บน Gathering Hub ในช่วงเวลาที่ทางเกมเปิดให้ครีเรียบร้อยจ้า

*เควส Kulve Taroth Siege จะมีลักษณะเป็น Event มีกำหนดระยะเวลา ซึ่งจะมีมาเรื่อยๆ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมบางอาทิตย์ถึงครีได้ บางอาทิตย์ก็ครีไม่ได้ซะแล้ว เพื่อนๆ สามารถเช็คระยะเวลาได้ใน Website [game.capcom.com] หลักของตัวเกม*

รูปแบบของ Siege และเงื่อนไขการเอาชนะ

ตัวเควสคุณนายแพะทองนั้นจะมีลักษณะเป็นแบบ Siege โดยจะนับว่าตัว Kulve Taroth นั้นมีตัวเดียวในทั้ง Session แม้ว่าเพื่อนๆ จะลงได้แค่ปาร์ตี้ละ 4 คนเช่นเดิม แต่ระดับการไล่ล่า (Pursuit Level) ของแพะจะนับรวมกันทั้งหมดที่ตัว Session จึงควรลงเป็นหมู่คณะเป็นอย่างยิ่ง การสื่อสารกันใน Session และปาร์ตี้จึงเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อช่วยให้การล่าสำเร็จลงอย่างรวดเร็วนั่นเอง

สำหรับการจะผ่าน Siege นี้ให้ได้นั้น เป้าหมายหลักของเพื่อนๆ คือการทำลายส่วนเขาของแพะให้ได้เป็นหลัก ซึ่งเมื่อทำลายได้สำเร็จ แพะก็จะหนีไปอย่างเอียงอาย(?) เพื่อนๆ ก็จะสามารถกลับมารับรางวัลจาก NPC ได้เป็นอันจบรอบการเล่นครั้งนั้น เริ่มต้นรอบใหม่กันต่อได้ ซึ่งหากยังหักเขาแพะไม่สำเร็จ การลงเควสต่อจะเป็นการลงต่อจากระดับเดิม จนกว่าจะหักเขาได้นั่นเอง

ด้วยความที่ตัวเควสเป็นแบบ Siege ทั้ง Session ตัวเควสแพะทองนั้นจะไม่สามารถทำการยิง SOS Flare ได้เลย (และทุกอย่างอ้างอิงจากสถานการณ์ใน Session นั้นๆ) ทำให้ถ้าปาร์ตี้ไหนหักเขาแพะได้สำเร็จ ก็จะถือว่า Siege จบทุกปาร์ตี้ สามารถออกมารับรางวัลกันได้ทั้งหมด แน่นอนว่าใครที่ยังสู้อยู่จะสู้ต่อเพื่อปั้มคะแนนให้กับตัวเองก็ได้ เนื่องจากรางวัลตอนจบเควสนั้นจะดีขึ้นตามคะแนนที่ทำได้ เพียงแต่หากมีการหักเขาแพะได้สำเร็จแล้ว ใครที่ยังสู้อยู่จะถือว่าเป็นเควสสุดท้าย ไม่ว่าจะผ่านหักเขาได้หรือ Fail ก็จะถูกบังคับให้ต้องรับรางวัลเริ่ม Siege รอบใหม่ทันที ตรงจุดนี้เพื่อนๆ ก็จะต้องสื่อสารกันให้ดีๆ ก่อนจ้าเพื่อให้ทุกคนใน Session ได้รับรางวัลไปพร้อมๆ กัน

หมายเหตุ

  • หลังจากนี้จะใช้คำว่า Siege ในการอธิบายถึงแต่ละรอบของการเล่น (จนกว่าเขาแพะจะถูกทำลายเพื่อขึ้นรอบใหม่)
  • คำว่าเควสจะหมายถึงการลงเควสกี่รอบก็ตาม ใน Raid นั้นๆ เพื่อป้องกันความสับสน
  • หากเควสแพะล่ม (fail) จะไม่ถูกหักแต้มที่สะสมมาได้ แค่เสียเวลาไปลุยกันใหม่หมดตั้งแต่ Area 1 (ฮา)
  • การหลุด/ออกจาก Session จะได้รับรางวัลเท่าที่ทำได้ก่อนออกมา

Pursuit Level

จุดที่ต้องสนใจใน Siege แพะทองนั้นก็คือ Pursuit Level หรือระดับการไล่ล่า เลเวลนี้เวลาในการลงเควสแต่ละรอบของเพื่อนๆ ถ้าเพื่อนๆ หักเขาของ Kulve ไม่ทัน มันก็จะหนีไปและจบตัวเควสลง (แต่ไม่นับว่า Fail ต้องเริ่ม Siege ใหม่หมดแต่อย่างใด) ต้องลงต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหักได้สำเร็จ

นอกจากนี้แล้วเลเวลนี้ยังส่งผลกับความนุ่มของชิ้นส่วนทองต่างๆ ที่แตกได้ อีกด้วย โดยในช่วงแรกนั้น เพื่อนๆ จะตีรันฟันแทงคุณนายแพะแงะทองให้ลอกยากเสียนี่กะไร แต่เมื่อระดับการไล่ล่าสูงขึ้นนั้น คุณแพะจะเริ่มตัวนุ่ม น่าน้วยขึ้นเยอะ(มากๆ) ทำให้สามารถทำลายชิ้นส่วนต่างๆ ได้ง่ายขึ้นมาก

แม้ว่าเพื่อนๆ จะเห็นว่าแต้มได้น้อยมากๆ เพราะอันที่จริงแล้ว Pursuit Level นั้นคิดรวมกัน “ทุกคน” ใน Session นั้นๆ และการทำลายชิ้นส่วนซ้ำก็ยังคงได้ค่า Pursuit Level ด้วย (ต่างจาก Reward Level ที่ทำลายซ้ำไม่ได้อะไร) ดังนั้นการที่ทุกคนช่วยกันเก็บแต้ม Pursuit Level จะทำให้สามารถดันระดับการไล่ล่าให้สูงขึ้นได้ไวมาก

Reward Level

ระหว่างที่เพื่อนๆ ตะลุยเควสคุณนายแพะอยู่นั้น การทำ Objective ต่างๆ จะทำให้เพื่อนๆ ได้รับ Reward Level สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำลายชิ้นส่วนได้ หรือการไล่แพะลงไปยังช่วงอื่นๆ ได้สำเร็จ โดยเมื่อ Siege จบลงที่หักเขาแพะได้สำเร็จนั้น ค่า Reward Level นี้จะเป็นตัวระบุว่าเพื่อนๆ จะได้รับรางวัลดีแค่ไหนนั่นเอง และค่า Reward Level ก็จะถูกรีเซ็ทกลับไปที่ 1 เช่นเดียวกับ Pursuit Level

แต้มเหล่านี้ เพื่อนๆ จะได้รับเพียงครั้งเดียวต่อการลง Siege ในแต่ละรอบเท่านั้น นั่นหมายถึงถ้าเพื่อนๆ ลงเควสซ้ำอีกรอบ หรือคุณแพะมุดดินชุบทองใหม่ ทำลายซ้ำก็จะไม่ได้รางวัลตรงนี้แล้ว จึงควรช่วยกันจำให้ดีจ้า นอกจากนี้หากคุณนายแพะทำการสลัดทองออกจากตัวเมื่อไหร่ ในเควสนั้นเราจะไม่สามารถทำลายทองส่วนต่างๆ ได้อีกแม้ว่าเราจะยังทำ Objective ด้านบนไม่สำเร็จก็ตาม พยายามเล็งชิ้นส่วนต่างๆ เอาไว้!

► ระบบการคำนวนแต้ม

ในขณะที่ Pursuit Level แชร์กันทั้ง Session แต่ Reward หาได้แชร์ไม่! นับเป็นรายปาร์ตี้(หรือให้ถูกคือรายคน)นะจ๊ะ โดย แต้มเต็มจะหมายถึงแต้มสูงสุดที่ทำได้จากการทำเป้าหมายนั้นๆ ได้ และ แต้มย่อยจะหมายถึงแต้มที่ได้รับหากเพื่อนๆ ยังไม่สามารถทำเป้าหมายนั้นได้ แต่ปาร์ตี้อื่นทำได้แล้ว ซึ่งหากเพื่อนๆ ทำเป้าหมายได้ทีหลัง จะได้แต้มเต็มส่วนที่เหลือหลังหักลบแต้มย่อยทั้งหมดแล้ว (ได้เท่าเดิม ช้าหรือเร็วแค่นั้นเอง)

เช่นมีกัน 3 ปาร์ตี้ A B C

ปาร์ตี้ A ทำลายหางขวาได้ก่อน A จะได้ 30 แต้มเต็ม B C จะได้รับทีมละ 10 แต้ม
ปาร์ตี้ B ทำลายหางขวาตามมาได้ A ได้แต้มครบแล้ว ไม่ได้อีก B จะได้รับ 20 แต้ม และ C จะได้ 10 แต้ม
ปาร์ตี้ C ทำลายหางขวาได้ช้าสุด A B ได้แต้มครบแล้ว ไม่ได้อีก C จะได้รับแต้มที่เหลืออีกนิดหน่อย 10 แต้มครบทุกคน
และหากดูจากตาราง แม้จะเห็นได้ว่าหลายๆ เป้าหมายนั้น แค่นับของทีมอื่นทำได้ก็ครบแล้วก็จริง แต่การจะจบ Siege ให้ไวนั้น เพื่อนๆ ต้องช่วยกันรุมถลุงคุณนายให้เต็มที่ ซึ่งควรสื่อสารกับคนในปาร์ตี้เดียวกันว่าทำชิ้นส่วนไหนแตกแล้วบ้าง แต่ไม่จำเป็นต้องบอกทั้ง Session จ้า

ซึ่ง Reward Level นี้จะมีสูงสุดที่เลเวล 17 โดยแต่ละเลเวลจะใช้แต้มสะสมเลเวลละ 100 หน่วย เริ่มจากเลเวล 1 ใช้ 100 ไป 2 และใช้อีก 100 ไป 3 ….. นั่นคือจากแต้มทั้งหมด 1670 แต้ม เพื่อนๆ จะสามารถพลาดแต้มได้ 70 แต้ม หากต้องการรางวัลเลเวลสูงสุด

*จากคำแนะนำของนักล่ามืออาชีพ Reward Level 14 ก็เพียงพอแล้วกับการลุ้นแรร์ช่องทอง 3 ชิ้น*

► ของรางวัลจากเควส

หลังจากผ่านการลุยเควสแพะทองได้สำเร็จจนหักเขาได้แล้วนั้น เพื่อนๆ จะได้รับพวกชิ้นส่วนวัตถุดิบต่างๆ ของตัวแพะทอง, ตั๋ว Bushi Ticket สำหรับนำไปแลก Layers Armor ได้ที่ Research Center (สามสหายที่ชั้นล่างเจ้าเก่าของเรา) รวมถึงของที่เพื่อนๆ จะได้สัมผัสถึงพลังแห่งเกลือ หรืออาวุธของ Kulve Taroth (Relic) นั่นเองจ้า ซึ่งงานนี้บอกได้ว่ามีทั้งหมด 400 กว่าชิ้น ใครอยากได้ของดีๆ ก็ต้องวัดดวงเอาหลั่งจากปั่นทำ Reward Level สูงๆ ได้แล้วกันเอาน่อ

คุณนายแพะไม่สามารถฆ่าได้ เธอจะหนีไปเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เราจึงได้ชิ้นส่วนต่างๆ ของเธอผ่านการทำลายชิ้นส่วน, ของรางวัลตอนจบ และเก็บจากที่หล่นตามพื้นเอาเป็นหลัก โดยส่วนที่แล่ได้จะมีแผ่นทองที่หลุดมาตอนเราทำลายแผ่นทองบนหัวเธอสำเร็จ และเขาสองข้างที่หักได้ตอนจบ Siege

สำหรับ List ของตัว Relic ทั้งหมด เพื่อนๆ สามารถหาดูจาก Data Sheet ที่มีผู้เล่นช่วยกันทำขึ้นมาได้
Website link [docs.google.com]

Lunastra ราชีนีแห่งเปลวไฟ


มากันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเจ้าสิงโตสีฟ้า ราชีนีแห่งเปลวไฟ Lunastra สำหรับ Monster Hunter World ภาค PC ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อเป็นมอนสเตอร์ใหม่ ก็ย่อมมาพร้อมกับอะไรเควสปลดล๊อคและอุปกรณ์ใหม่ๆ กันอย่างเต็มที่ โดยในบทความนี้ก็จะพาเพื่อนๆ ไปเก็บข้อมูลของ Lunastra กันให้เต็มอิ่มไปเลยจ้า

การปลดล๊อค Lunastra

ตัว Lunastra ในตอนแรกนั้นจะยังสร้างเควสเล่นไม่ได้ต้องทำเควสพิเศษ (Special Assignment) เปิดกันก่อนเช่นเคย โดยเควสนี้ก็จะมีเงื่อนไขที่ต้องมี HR 16 (จบเนื้อเรื่องกำจัด Xeno’jilva ได้แล้ว) เช่นเคย

  • จากนั้นให้ไปหาอาจารย์ดาบ The Huntsman เจ้าเก่า เขาจะให้เควสพิเศษเรามา โดยให้ไปสำรวจร่องรอยของ Teostra ใน Wildspire Waste ในตอนนี้เราจะครีเควส Special Assignment ชื่อ The Blasting Sun ได้แล้ว
  • ให้ครีและเข้าไปจัดการ Teostra 1 ตัวกันตามสบาย ซึ่งหลังจากจัดการได้แล้ว ให้กลับไปคุยกับ The Huntsman โดยเขาจะบอกว่าเหมือนที่โรงตีเหล็กมีเสียงแปลกๆ
  • ไปที่โรงตีเหล็ก เขาจะบอกว่าเหมือนเจ้า Teostra บาดเจ็บและลงไปนอนแหง๋วในลานประลองที่ Great Ravine อยู่ ก่อนมอบเควส Special Assignment ชื่อ Pandora’s Arena ให้กับเรา
  • เข้าไปเราจะได้เจอกับ Lunastra เป็นครั้งแรกและต้องไล่มันให้หนีไปให้สำเร็จให้ได้
  • หลังจากไล่ไปสำเร็จ The Huntsman จะให้เควส Special Assignment ชื่อ No Remorse, No Surrender กับเรา เป็นเควสที่เราจะต้องจัดการทั้ง Lunastra และ Teostra พร้อมกันใน Elder Recess ให้ได้ (เนื่องจากเป็นผัวเมียกัน มอนสองตัวนี้จะไม่เกิด Turf War และไม่ทำร้ายกันเองน้า แถม Chain Wombo Combo เล่นงานเราได้อีกต่างหาก)
  • หลังจากผ่านเควสมาได้ ให้กลับไปคุยกับ The Huntsman เพื่อจบเควสชุดนี้ โดยเพื่อนๆ จะได้รับ Temporal Mantle ผ้าคลุมหลบสุดชั่วร้ายมาครอบครองเป็นรางวัล และที่โรงตีเหล็กจะปลดล๊อคอุปกรณ์ต่างๆ ของ Lunastra ให้สามารถสร้างได้แล้ว
  • คุยกับโรงตีเหล็กอีกครั้งจะปลดล๊อคเควสส่งของ Breaking out the Brigate ซึ่งเป็นการส่ง Hunter King Coin 5 เหรียญ โดยเพื่อนๆ จะได้รับ Brigate Layers Armor เป็นรางวัลกันไปจ้า


The Blasting Sun


Pandora’s Arena


No Remorse, No Surrender


Delivery Quest

เมื่อผ่านเควสต่างๆ ดังกล่าวแล้ว เพื่อนๆ จะปลดล๊อคเควส Optional เพิ่มเติมในระดับ 7 ดาวดังนี้

  • Blue Prominence : กำจัด Lunastra 1 ตัวที่ Elder Recess
  • Infernal Monarchy : กำจัด Teostra และ Lunastra 1 คู่ที่ Wildspire Waste

ข้อมูลของ Lunastra

Lunastra เป็นมังกรโบราณ (Elder Dragon) เพศเมีย คู่ขาของ Teostra โดยรวมท่าโจมตีจะมีความคล้ายคลึงกันแต่กินวงกว้างและต่อเนื่องกว่ามาก (เน้นตอดเล็กตอดน้อยมากกว่าอัดเจ็บๆ หนักแบบคุณสามี) ในขณะที่ Teostra นั้นปล่อยละอองระเบิดทิ้งไว้ตามทางและกระโดดเหยียบหรือกัดฟันเพื่อจุดระเบิด ตัว Lunastra จะปล่อยเชื้อไฟสีน้ำเงินไว้ที่พื้น ซึ่งจะค่อยๆ ปะทุขึ้นเป็นเปลวไฟและมอดดับไป ตัวไฟนี้สามารถดับได้ด้วยกระสุนน้ำหรือ Watermoss แต่เจ้าหล่อนก็ปล่อยแบบลดแหลกแจกแถมยิ่งกว่างานเซลล์จนดับไม่ทัน ซ้ำร้าย เชื้อไฟนี้จะสามารถคอมโบกับท่าอื่นๆ ให้ระเบิดอย่างรุนแรงได้เหมือนกับการจุดชนวนของ Teostra ซึ่งดับชีวิตนักล่าแบบงงๆ มานักต่อนัก (แรงกว่าระเบิดอีก)

*เชื้อไฟที่ปะทุเป็นเปลวไฟแล้วจะลดเลือดผู้เล่นอย่างต่อเนื่องหากไปยืนบนไฟ และจะบล๊อคกระสุนของสายยิงเหมือนเกราะไฟ/เกราะลมอีกด้วย*

ท่าไม้ตายของ Lunastra จะเป็นการบินขึ้นแล้วทิ้งตัวลงมา สร้างลมร้อนตอดพลังชีวิตผลักให้เพื่อนๆ เสียหลัก ก่อนจะระเบิดพร้อมกับจุดเชื้อไฟที่พื้น(ไอ้นี่ล่ะที่แรงจริง) และอบไอร้อนต่ออีกหน่อย ทำให้การยกเลิกท่าไม้ตายของเจ้าหล่อนเป็นอะไรที่ยุ่งยากมาก โดยเพื่อนๆ สามารถใช้ Crystal Burst หรือ Scatter Nut ยิงเพื่อให้เจ้าหล่อนชะงักได้ หรือจะใช้ Dragon Pod คอยยิงลดระดับเปลวไฟที่สะสมมาก็ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งหากยกเลิกไม่ถนัด การเตรียม Astera Jerky ไว้ตอนที่คุณเธอบินปล่อยลมร้อนเพื่อฟื้นเลือดสีแดงทันทีก็เป็นตัวเลือกที่ดี ซึ่งหากเทียบกับ Teostra ที่ชาร์จตูมเดียวจบๆ ไปเลย ท่าของคุณเธอจะตอดเล็กตอดน้อยและกินวงกว้างกว่าเป็นอย่างมาก(ก.ไก่หลายร้อยตัว)

*หาก Lunastra มีระดับเปลวไฟรอบตัวมากพอ เมื่อโดน Flash เข้าไปจะทำการใช้ท่าไม้ตายทันที หากไม่จำเป็นหรือไม่ได้เตี้ยมกัน ควรหลีกเลี่ยงการยิง Flash*

Lunastra นั้นแพ้ธาตุน้ำแข็งเป็นหลัก รองลงมาคือธาตุมังกร สถานะต่างๆ สามารถทำให้เกิดผลได้ตามปกติ เพื่อนๆ จึงควรจัดเตรียมอาวุธอะไรให้พร้อมเพื่อให้การสู้ราบรื่นขึ้น เพราะจุดเด่นของเควสคุณเธอคือมีคู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเดินจู๋จี๋ไม่แคร์นักล่าใน Infernal Monarchy หรือจะเป็นการโดนมังกรตัวอื่นหม้อใส่ใน Blue Prominence ก็ตาม (แน่นอนว่า Elder Dragon ใช้ Dung Pod ยิงไล่ไม่ได้ด้วยนะเอ้อ) การเตรียมการให้เต็มที่จึงเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ หากคิดว่าเอาตัวรอดไม่ไหว อย่าลืมผ้าคลุมดีๆ อย่าง Fireproof Mantle ที่ช่วยให้หลายคนรอดจากไฟนรกของเจ๊มาแล้ว


ชุดน้องเหมียว


ชุดของ Lunastra

นอกจากตัวชุดแล้ว ก็จะมีส่วนของอาวุธต่างๆ เพิ่มขึ้นมาโดยที่จะมีคุณสมบัติเป็นสถานะ Blast เสริมไปด้วย ซึ่งอาวุธสาย Lunastra (Empress) จะเป็นสายที่ต้องสร้างใหม่ ไม่ได้อัพเกรดจากของเดิม เช่นเดียวกับ Deviljho นั่นเอง แน่นอนว่าต้องมาพร้อมกับชุดน้องเหมียวชุดใหม่อีกด้วย

เรียกได้ว่าเป็นมังกรที่แม้หน้าตาจะดูเหมือนกับการย้อมแมว แต่ก็มีความโหดและเถื่อนในฉบับของตัวเองแบบคนละเรื่องกับ Sub Species เลยทีเดียว แถมชุดก็แยกเป็นของตัวเองสมเป็นมอนสเตอร์ใหม่และมีลดแหลกแจกแถม Slot ให้เพื่อนๆ ปรับแต่งชุดเก่าๆ ได้ถึงพริกถึงขิงด้วย (โดยเฉพาะสาย Support นี่ยิ้มเลย) เพราะงั้นก็ได้เวลาที่จะลับฝีมืออีกครั้ง ก่อนจะได้ท้าทายกับเจ้า Arch Tempered Kirin (ม้าส้ม ไม่ใช่แมวส้ม) ที่กำลังจะมาถึงในเร็วๆ นี้จ้า

SteamSolo.com