Grim Dawn Guide

Classes Selection [TH] for Grim Dawn

Classes Selection [TH]

Overview

การเลือก Classes พร้อมทั้งรายละเอียดต่างๆ สำหรับผู้เล่นเป็นภาษาไทยอย่างละเอียดครับ

Introduction

สำหรับเกม Grim Dawn การเริ่มต้นที่ดี ไปกับสไตล์ที่เราชอบ และสามารถอยู่รอดปลอดภัยจนพิชิตความยากระดับ Ultimate ได้นั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญและกุญแจสู่ความสนุกที่แท้จริงในการเล่นเกมแนว Action RPG นี้

แน่นอนว่าหนึ่งในปัญหาหลักของผู้เล่นใหม่คือการเลือก Classes ที่จะเล่น และ Grim Dawn มี Class ให้เลือกเล่นผสมกันได้ 2 Mastery จึงเท่ากับว่ามีความเป็นไปได้ถึง 15 สายผสม (และ 6 สายเดี่ยวๆ) ซึ่งทำให้ยากต่อผู้เล่นใหม่ในการศึกษา build ในสายต่างๆ คู่มือนี้จึงทำขึ้นมาเพื่อง่ายต่อการตัดสินใจแก่ผู้เล่นใหม่ และผู้เล่นเก่าที่หาส่วนผสมใหม่ๆในการเล่น

Play Style

ก่อนอื่นขอว่าด้วยเรื่องของสไตล์การเล่นนะครับ
“สามารถค้นหาสไตล์การเล่นของเรากับการจับคู่สายต่างๆ ด้วยการกด Ctrl+F พร้อมพิมพ์ keyword ที่ต้องการหาลงไปได้เลย”
ผมขอแบ่งหลักๆไว้ 5 แนวดังนี้

1. Melee : สายตีประชิด เดินหน้าแล้วฆ่ามัน ชอบความสะใจในการใช้อาวุธประชิดทุกชนิด
*ขอเตือนว่าควรระวังนิดนึง สังเกตใต้เท้าตัวเองบ่อยๆว่าโดนวงเวทย์หรือพื้นทำดาเมจรึเปล่า

2. Ranged Auto Attack : พูดสั้นๆก็สายยิง ตะบี้ตะบันยิงมันอยู่นั่นแหละ ในเกมนี้จะเล่นยากนิดนึง เพราะ
มันจะมีมอนที่วิ่งเร็ว และบอสหลายตัวก็พุ่งใส่เราได้ ทำให้สายนี้เล่นค่อนข้างยากและใช้ประสบการณ์สูง เพราะโดนประชิดตัวบ่อยๆนี่คงเกิดคำถามว่ารักษาระยะห่างระหว่างเรายากขนาดนี้ ขอประชิดเลยดีกว่าไหม

3. Hit&Run : แนวใส่สกิลให้หายอยาก แล้วจากไป สไตล์ลูกตุ๊ด ส่วนใหญ่จะเน้นใส่สกิลใหญ่คูลดาวนานเป็นชุดๆแล้ววิ่งหนี หรือพวกสกิล DoT ที่ดาเมจขึ้นติ๊กเป็นวิแบบแรงๆ เน้นความปลอดภัยซะมากกว่า

4. Spamming Caster : สายจอมเวทย์ร่ายสกิลใส่ดงฝูงมอน ว่าตามตรงก็รัวสกิลชุดใหญ่แก่ใจดีสปอร์ตไปเลย ความมันส์ทะลุจอ

5. Tank : อึดถึกบึกบึน ทำทุกอย่างให้คุณไม่ตายและอึดมาก อาจช้าแต่ชัวร์ ไปเล่น hardcore แบบชิวๆ

Mastery

มาทำความรู้จักคลาสเบื้องต้นทั้ง 6 ดังนี้

1. Soldier : นักรบ focus ในเรื่องเลือด ความอึด และการใส่เกราะหนา รวมไปถึงมีสกิลซัพพอร์ตในด้านถือโล่ ครอบคลุมไปถึงการป้องกันและ resistance ต่างๆ ออร่าและบัฟถือว่าสุดมากๆ แทบจะกราบเลยว่าโกงสุดในเกม เป็นสายที่จัดได้ว่าครบเครื่องและได้รับการโหวตว่าเอาตัวรอดได้ดีที่สุดในระดับ Ultimate

  • เน้นทำดาเมจแบบ Physical, Internal Trauma, Bleeding
  • Aura และ Passive Skill ดีมากๆ [เพิ่มเลือด เพิ่มโจมตี กันสถานะ กันธาตุ ตีเร็ว วิ่งเร็ว]
  • สกิลใช้งานช่วงแรกๆไม่ค่อยมีสกิล CC กับเคลียร์มอนให้ใช้นัก ถ้าเลือกเป็นคลาสแรกต้องอดทนหน่อย

2. Demolitionist : สายทำลายล้างสุดบ้าบิ่น ศูนย์รวมของอภิมหากับดักและเปลวเพลิง กับดักและสกิลเอาตัวรอดมีให้เลือกมากมาย เหมาะกับนัก spam สกิลชอบเห็นตัวเลขขึ้นรัวๆบนจอ ออร่ากับบัฟก็จัดว่าค่อนข้างโอเค

  • เน้นทำดาเมจธาตุ ไฟและสายฟ้าเป็นหลัก, บัฟครอบคลุมไปถึง Physical, Pierce และ Internal Trauma ด้วย มีแถมธาตุ Chaos เข้าไปบ้าง
  • ออร่าใช้ประโยชน์ได้กว้าง ทั้ง +Total Speed สะท้อนได้อะไรได้
  • สกิลกับดักและปาระเบิดสะใจเอฟเฟคท์อลังมาก มักพ่วงด้วยเอฟเฟคท์ที่มีประโยชน์ทุกอัน เช่น stun, confuse, ตีมั่ว, ยิงไม่โดน, กระเด็นล้ม มีให้ใช้ตั้งแต่ระเบิดแฟลช ระเบิดขวด ระเบิดตู้ม เยอะแยะ น่าใช้

3. Occultist : คนทรงสายมืดผู้หยิบยืมพลังจาก Witch God ทั้ง 3 ตน ได้แก่ Solael ขุมพลังแห่งธาตุ Chaos, Vitality // Dreeg เจ้าแห่ง DoT ช่ำชองด้าน Poison และ Bleeding // สุดท้ายคือ Bysmiel ผู้คุมสัตว์และฝูงโปเกม่อน ส่วนความสามารถก็ตามที่หยิบยืมพลังจาก3ตนนั้นมาเลยจ้า ออร่าและสกิลต่างๆค่อนข้างแยกชัดเจนมาก คอมโบผสมได้แค่ทีละสายเท่านั้น และแน่นอนว่าไม่มีสกิลเอาตัวรอดเลย ทำให้เป็นสายที่ค่อนข้างเล่นได้ยากและมักใช้เป็นสายรองซัพพอร์ตเสียมากกว่า

  • เน้นทำดาเมจแบบ Chaos+Vitality, Poison(Bleeding เป็นรองกว่าเยอะ)
  • มีบัฟที่มีประโยชน์ในสายนั้นๆเป็นอย่างมาก เช่น สายพิษก็สุดยอดบัฟพิษ, สายChaos+Vitก็ดีเยี่ยมสุดๆ, สายSummonก็โคตรของโคตรจำเป็น
  • สกิลทำดาเมจมีน้อย ไม่เหมาะกับเลือกเป็นตัวแรกเลยถ้าไม่ตั้งใจจะเล่น Summon ทำให้เล่นยากพอสมควร

4. Shaman : นักพรตผู้หยิบยืมพลังจากธรรมชาติมาต่อสู้ มีสกิลใช้งานที่หลากหลายและทำอะไรได้เยอะแยะ มีความเชี่ยวชาญการใช้อาวุธสองมือ และสกิลเป็นเอกลักษณ์ มีบัฟเอาตัวรอดที่ค่อนข้างดีและทำให้อึดขึ้น เป็นตัวที่ไม่ได้สุดโต่งอะไรแต่มีประโยชน์เยอะ แต่เนื่องจากสกิลหลากหลาย แยกกันบ้าง ประโยชน์หลายทางบ้าง ทำให้ต้องคิดก่อนผสมคลาสอีกแล้ว

  • เน้นทำดาเมจแบบ Lightning(และมัก +crit dmg เสริม), Physical, Bleeding
  • บัฟและออร่า ส่วนใหญ่เน้น regen, เพิ่มเลือด, สะท้อนดาเมจ มีดูดเลือดนิดหน่อย มีเสกเสาtotem
  • มีสกิลเรียก Summon ตัวใหญ่เก่งๆอีก 2 ตัว แล้วก็บัฟซัมมอนนิดหน่อยพ่วงติดมาบ้าง
  • สกิลใช้ส่วนใหญ่ก็เป็นพายุฝนฟ้าคะนอง กะยิงไฟฟ้าผ่า สแปมได้อะไรได้ มี signature เป็น Primal Strike

5. Arcanist : จอมขมังเวทย์ บ้าไปแล้ว หนึ่งในตัวที่รวมสกิลมีประโยชน์และโกงสุดของเกมไว้ด้วยกันเลยทีเดียว และมีดีกรีโหวตด้านเอาตัวรอดดีที่สุดใน ultimate เป็นรองแค่ soldier เท่านั้น ออร่าและสกิลติดตัวพี่แกจัดว่าแจ่มแมว โหดอะไรเบอนั้นเบอนี้แถมสกิลออร่าไม่ได้มีดีแค่สายเวทย์ที่ใช้ดีเท่านั้น ยังใส่ให้กับสายซอยรัวๆได้รุนแรงอีกด้วย สกิลคงไม่ต้องพูดถึงว่าอลังการงานสร้างและเป็นพิษต่อ fps แค่ไหน

  • เน้นทำดาเมจแบบ Elemental(fire+cold+lightning), Aether รวมไปถึง DoT ในธาตุต่างๆด้วย(Burn, Frostburn, Electrocute)
  • รวมสกิล active โกงๆ อาทิเช่น Nullification ลบบัฟ+ออร่าจากศัตรู และลบdebuffให้พวกตัวเองในรัศมีสกิล, แช่แข็งหมู่รอบตัวที่ยิ่งอัพยิ่งโคตรจะกว้าง, ฝนดาวตกที่บอกเลยว่าแค่เห็นก็บ้าไปแล้ว, เลเซอร์เวทย์มนต์ฉีดรัวๆนึกว่ารถดับเพลิง ฯลฯ เยอะแยะไปลองเอง
  • สำหรับสกิลเลเซอร์ฉีดมอน สามารถเปลี่ยนจาก Aether เป็น Chaos ได้ด้วย
  • บัฟและออร่าใช้ได้ทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่ลดดาเมจที่ได้รับ เสริมโจมตีธาตุต่างๆเยอะแยะ เพิ่มมานา ร่ายเร็ว ลดคูลดาวน์ ลดค่าร่าย รีมานาดูดมานา โอ๊ยเต็มไปหมด
  • มีสกิลโล่พลังที่สะท้อนและกันโจมตีทุกอย่าง เป็นเทพ3วิแบบเดินได้ตีได้

6. Nightblade : นักฆ่า ขยันซอยฟันฉับๆ เจ้าแห่งใบมีดทะลุเกราะ พุ่งเร็ว พุ่งหลาว เอ๊ะ เพ้อเจ้อละ มีสกิลเสริมทักษะด้านอาวุธประชิดคู่เยอะมากๆ มีสกิลที่เหมือนจะดีเยอะแยะแต่ที่จริงก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก บัฟที่หลอกคุณเหมือนว่าจะดีแต่ที่จริงก็ไม่ขนาดนั้น ฆ่าเร็วแต่ก็ตายเร็วเช่นกันเป็นสายที่สกิลชวนฝัน แต่เล่นจริงก็งั้นๆต้องรอปรับต่อไป ถ้าถามว่าเล่นยากไหม ก็บอกเลยว่าง่ายกว่า Occultist อยู่นิดเดียว(ก็เล่นยากนั่นแหละ)

  • เน้นทำดาเมจแบบ Pierce, Bleeding เป็นหลัก (มีสายทางเลือกเป็น Poison, Cold)
  • ดาเมจ Pierce เป็นดาเมจไม่คิดเกราะ และเป็น dmg type ที่ดีที่สุดในเกม*
  • บัฟสายอาวุธประชิดคู่ค่อนข้างเยอะและดีตามที่เลือกจะใช้
  • บัฟและออร่าอื่นๆ ถือว่าไม่ค่อยดีนัก และใช้งานแยกกันค่อนข้างชัดเจน ที่เจ๋งจริงติดตลาดมีแค่ Pneumatic Burst เท่านั้น
  • สกิล active นอกจากไม่ค่อยอลังการแล้ว ส่วนมากประโยชน์น้อยและแคบ ทีเด็ดอยู่ที่ Shadow Strike สุดโกงซึ่งพ่วงมากับพลังพิษที่เป็นกุญแจหลักของสายพิษในการฆ่าเป้าเดี่ยวเลย, Blade Trap ก็โอเคในด้านCCและดูดเลือด, Blade Barrier สกิลเอาตัวรอดรีเลือดแบบยืนนิ่งๆ สะท้อนไป ซึ่งคนเก่งๆเขาไม่ค่อยใช้กันหรอก

Combine Concept

การพิจารณาในการผสมทั้ง 2 คลาสเข้าด้วยกัน ทำได้ดังนี้
1. *** ส่องดูไอเทมระดับสูง โดยเฉพาะ set legendary, epic ได้ยิ่งดี
ให้มองตัวเราตอนที่เก่งที่สุด ไปถึงจุดยอดของปลายเลเวล ไม่ต้องไปกังวลว่าอีกนานกว่าจะหาได้ครบเซ็ต เพียงแค่คุณเข้าไปเล่นใน Multiplayer ก็มีผู้เล่นมากมายที่ต้องการทิ้งของเหลือใช้เพราะคลังเต็ม และเต็มไปด้วยน้ำใจหรือต้องการแลกเปลี่ยนในสิ่งที่เขาต้องการอยู่ตลอด

เนื่องไอเทมหลักๆเหล่านี้เพิ่มค่าทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับสายผสมนั้นๆ รวมไปถึงแนวคิด การเล่น และโบนัสสกิล แน่นอนว่าการโบนัสสกิลของไอเทมระดับสูง มักจะบวกทีเดียวทั้ง class หรือสกิลบางอย่างเน้นๆไปหลายแต้ม จึงเป็นภาพฝันที่ดีและจินตนาการได้ง่าย ว่าตอนเราเก่งสุดใส่ชุดนี้อยู่จะทำได้ขนาดไหนกันนะ

2. ประเภทของดาเมจเข้ากันได้ และมีสกิล+บัฟและออร่าสนับสนุนที่ดีมากพอ
แน่นอนว่าศัตรูมีมากมายหลายชนิด จึงควรเน้นประเภทดาเมจไว้ซัก 2-3 อย่าง แต่หากเลี่ยงไม่ได้จริงๆก็ต้องหาข้อมูลบ้างว่าเรายิงตัวไหนไม่ค่อยเข้า ก็หลีกเลี่ยงสู้ หรือพยายามหาสกิล -resistance ในธาตุนั้นๆไว้บ้าง

3. ถ้าสกิลมันดูเข้ากันยาก ก็ต้องหาไอเทมทำให้มันเวิร์ค
ในการสร้าง build บางอย่างที่เป็นของตนเองขึ้น บางครั้งเรารู้สึกว่าสกิลมันอาจไปด้วยกันได้บ้างไม่ได้บ้าง หรือมันยังเข้ากันแต่ไม่สุด ให้พยายามหาไอเทมนอกเซ็ตต่างๆมาเปรียบเทียบและ Mix ดู ซึ่งแบบนี้จะต้องใช้ประสบการณ์ค่อนข้างสูงหน่อย และการลองผิดลองถูกค่อนข้างเยอะ แต่บางครั้งมันก็ทำให้เกิดอะไรเจ๋งๆนะ

4. เหมาะกับสไตล์การเล่นของเราหรือไม่
จากข้อ 1 และ 2 จะทำให้เราพอพิจารณาได้แล้วว่าตัวละครของเราตอนเก่ง จะมีสกิล บัฟ ออร่าแบบไหนไว้ใช้บ้าง ก็จะพิจารณาได้ว่าสไตล์การเล่นจะออกมาประมาณไหน เป็นแบบที่เราชอบหรือเปล่า

ส่วนเรื่องของอาวุธคู่ (ปืนคู่/ดาบคู่) ไม่ต้องกังวล เพราะในเกมจะมี relic และเอฟเฟคท์จากไอเทมบางชิ้นทำให้เราใช้ได้เหมือนกัน ถึงแม้เราจะไม่ได้เล่น Nightblade แต่ก็สามารถหาไอเทมทำให้ใส่อาวุธประชิดคู่ได้

แหล่งข้อมูลไอเทม
[link]
[link]
[link] <เก่าแล้ว>

Combined Classes

อันนี้เป็นแบบสรุปของแต่ละ Combination ของ Mastery ต่างๆครับ

1. Commando (Soldier+Demolitionist)
[Melee/Tank]
เมื่อความอึดถึกทนมือทนเท้า รวมกับความบ้าบินและการทำลายล้าง จุดเด่นคือ ออร่าและบัฟต่างๆที่ค่อนข้างเยอะ สกิลช่วยเหลือดี อึดถึกสมบุกสมบัน

  • อาวุธที่เหมาะ : อาวุธประชิดมือเดียว+โล่/อาวุธประชิดสองมือ
  • ปุ่มโจมตีหลักต้องเลือกว่าจะเล่นสกิลไหน Cadence(Physical), Fire Strike(Fire) ซึ่งจะมีผลต่อแนวทางดาเมจที่เล่น
  • ควรเลือกว่าจะเอาดาเมจหลักเสริมไปทางไหน ระหว่างฝั่ง Pure Soldier หรือ Physical+Fire
  • Popular Build : Firestrike/Blitz/Cadence Commando

2. Witchblade (Soldier+Occultist)
[Melee/Tank/Range Auto Attack/Spamming Caster]
สำหรับสายนี้ สามารถดึงความสามารถและจุดเด่นของทั้งสองสายมารวมกันได้ ด้วยความที่ soldier มีออร่าและบัฟที่ทรงพลังมากๆ รวมไปถึง occultist มีสกิลบัฟและดีบัฟสำคัญ จึงทำให้สายนี้เป็นที่ยอดนิยมและเล่นง่าย แถมเก่งมากอีกด้วย

  • อาวุธที่เหมาะ : ทุกอย่าง
  • ถ้าเลือกเล่น Soldier เป็นสายหลัก ก็จะเน้น Cadence และการโจมตีกายภาพ ซึ่งเถื่อนมาก
  • ถ้าเลือกเล่นทาง Solael(Chaos+Vit) อันนี้จะดูค่อนข้างเข้ากัน และมีบัฟตีเร็ว2ชุด พลังธาตุเน้นๆขั้นสุด และด้วยไอเทมต่างๆทำให้มันทรงพลังได้มากเลยนะ
  • ถ้าเลือกเล่นทาง Dreeg(Acid&Poison) ส่วนมากจะเทไปทาง occultist แล้วเน้นเปิดออร่าของ soldier ให้ตัวเองอึดๆแล้วก็ยืนตียืนแทงค์ซะมากกว่า เหมือนเอาพิษมาเพิ่ม dps ให้ตัวเองทรงพลังขึ้น
  • ด้วยความที่บัฟ ออร่า เสริมเพิ่มเติมค่อนข้างครบถ้วนจึงทำให้เลือก devotion และไอเทมได้หลากหลายขึ้น
  • Popular Build : Cadence/DEE Witchblade

3. Warder (Soldier+Shaman)
[Melee/Tank/Spamming Caster]
ด้วยแห่งเลือดและกล้ามเนื้อ ออร่าและบัฟจากทั้ง2สาย ที่เพิ่มเลือดและregenมากมาย และสะท้อนดาเมจได้ง่ายๆแค่ warder สายนี้นี่เอง เมื่อออร่าสายอึดทั้งหมดทั้งมวลอยู่ในสายนี้ ดังนั้นจึงหายห่วงเรื่องการตายยิบย่อยได้เลย

  • อาวุธที่เหมาะ : อาวุธประชิดมือเดียว+โล่/อาวุธสองมือ
  • ปุ่มโจมตีหลักต้องเลือกว่าสกิลไหน Cadence หรือ Savagery ตามประเภทดาเมจที่เราต้องการเล่นเป็นหลัก
  • เน้นดาเมจประเภท Physical หรือ Lightning เป็นหลัก รวมไปถึง Bleed เป็นหลักก็เก่งไม่แพ้กัน
  • สามารถเล่นสายถึกสะท้อนได้ด้วย Retaliation Dmg หลากหลายประเภท
  • Popular Build : Bleed/Physical Warder

4. Battlemage (Soldier+Arcanist)
[Melee/Tank/Spamming Caster]
สายแรร์ ไม่ค่อยเห็นคนเล่น อาจเป็นเพราะมันไม่สุดมั้ง แต่แพทช์ใหม่ๆก็บัฟจนน่าจะโหดแล้วนะ

  • อาวุธที่เหมาะ : อาวุธประชิดมือเดียว/ปืน+โล่/หนังสือเวทย์
  • เน้นดาเมจประเภท elemental เป็นหลัก (ไฟ น้ำแข็ง ไฟฟ้า)
  • สามารถเลือกเล่นได้หลายแนวทาง ทั้งยิงเวทย์ หรือตีใกล้ได้ตามเหมาะสม
  • สำหรับสายตีใกล้ จะเน้นไปที่ cadence ทำดาเมจเป็น elemental ส่วนยิงเวทย์ได้ทั้ง Calidor’s Tempest และ Panetti’s Replica Missile (PRM)
  • Popular Build : Cadence/PRM Battlemage

5. Blademaster (Soldier+Nightblade)
[Melee/Tank]
สายเคยโกง แต่โดนเนิฟรัวๆมาแทบทุกแพทช์ จนตอนนี้ก็น่าจะไม่มีอะไรให้เนิฟแล้ว ยังเก่งอยู่นะ แค่ไม่ไร้เทียมทานเหมือนเดิม

  • อาวุธที่เหมาะ : อาวุธประชิดมือเดียว+โล่/อาวุธประชิดคู่
  • เน้นดาเมจประเภท Physical หรือ Pierce เป็นหลัก (รองลงมาเป็น Bleed)
  • Popular Build : S&B Warborn/DW Deathmarked Blademaster

6. Pyromancer (Demolitionist+Occultist)
[Melee/Range Auto Attack]
คิดจะเล่นปืนคู่ คิดถึงเขา pyromancer

  • อาวุธที่เหมาะ : ปืนคู่/อาวุธประชิดคู่/อาวุธมือเดียว+โล่หรือหนังสือเวทย์
  • เน้นดาเมจประเภท Fire และ Chaos เป็นหลัก
  • Popular Build : DW Gunslinger/BWC Pyromancer

7. Elementalist (Demolitionist+Shaman)
[Melee/Range Auto Attack/Spamming Caster]
ที่สุดของสายฟ้า ต้องสายนี้เท่านั้น ทั้งช็อตทั้งผ่า ตูมตาม ระเบิดบ้านไฟไหม้ไฟเผา งานง่ายสบายๆสำหรับสายนี้ ทั้งระเบิดมือ ตะปูเรือใบ โมโลตอฟ ปืนใหญ่ ไว้ใจเรา

  • อาวุธที่เหมาะ : ทุกอย่าง
  • เน้นดาเมจประเภท Fire และ Lightning เป็นหลัก
  • Popular Build : Stunjack/Firestrike Elementalist

8. Sorcerrer (Demolitionist+Arcanist)
[Melee/Range Auto Attack/Spamming Caster/Hit&Run]
ถ้าคิดไม่ออกว่าจะเล่นอะไร แต่ชอบสกิลสวยงามอลังการงานสร้าง แนะนำสายนี้ครับ เพราะสามารถเล่นได้หมดทั้งบู๊หรือบุ๋น มีสายและแนวทางการเล่นที่เยอะมากๆ ปรับเปลี่ยนได้อิสระสูงสุด

  • อาวุธที่เหมาะ : ทุกอย่าง ยกเว้นถือโล่
  • เน้นดาเมจประเภท Elemental และ Aether โดยมักจะเน้น Focus ไม่เกิน 2 ชนิดแล้วค่อยใช้ไอเทมในการ convert dmg เอา เช่น Fire+Aether หรือ pure Aether หรือ Fire+Lightning
  • Popular Build : Stunjack/BWC/AAR/CT/DW gunslinger Sorcerer

9. Saboteur (Demolitionist+Nightblade)
[Melee]

  • อาวุธที่เหมาะ : อาวุธประชิดคู่
  • เน้นดาเมจประเภท Fire และ Cold เป็นหลัก โดยเป็นสายที่เน้นสู้ตรงๆ ซอยรัวๆระยะใกล้ เน้นสกิล Firestrike เป็นหลักในการสร้างดาเมจ และมักใช้อาวุธที่ตีเร็วๆ เสริมให้ DPS รุนแรงมากยิ่งขึ้น
  • Popular Build : Tri-Element/Nex&Ortus Saboteur

10. Conjurer (Occultist+Shaman)
[Spamming Caster/Pet]

  • อาวุธที่เหมาะ : อาวุธประชิด+หนังสือเวทย์ หรือโล่
  • เน้นดาเมจประเภท Vitality และ Bleed เป็นหลัก รวมถึงยังมีความสามารถในการเล่นเป็นสาย Pet ซึ่งเน้นฝูงสิงสาราสัตว์ได้ด้วย โดยในสาย Caster ปกตินั้น ก็เก่งจนไม่ควรมองข้ามเหมือนกันนะ ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่ที่มาเลือกสายนี้เพราะ Pet ก็ตาม
  • Popular Build : Pet Conjurer

11. Warlock (Occultist+Arcanist)
[Spamming Caster/Pet]
สายเป็นที่นิยมสำหรับคนชอบยิงเลเซอร เป็นจอมเวทย์เพียวๆโดยเฉพาะ สกิลล้างผลาญมากๆ

  • อาวุธที่เหมาะ : อาวุธประชิด+หนังสือเวทย์
  • เน้นดาเมจประเภท Aether หรือ Chaos เป็นหลัก โดยที่มีดาเมจรองเป็น Vitality และ Fire เป็นดาเมจรอง ส่วนมากแล้วจะเน้นใช้สกิล Albreach Aether Ray เป็นหลัก (AAR) หรือเรียกสั้นๆว่าเลเซอร์นั่นเอง และยังสามารถเล่นสาย Pet ได้ด้วย ถึงไม่เป็นที่นิยมนักแต่ก็เก่งใช้ได้เลย
  • Popular Build : Aether/Chaos AAR Warlock

12. Witch Hunter (Occultist+Nightblade)
[Melee/Spamming Caster/Hit&Run]
ถึงแม้โดยปกติจะแปลว่านักล่าแม่มด แต่ใน Grim Dawn จริงๆแล้วหมายความว่า ผู้ล่าในคราบแม่มด ซะมากกว่า ก็คือเป็นนักฆ่าที่ยืมพลังจากแม่มดนั่นแหละ สายนี้ออกแนว Assassin เถื่อนๆดีครับ แต่ขอบอกว่าเป็นสายที่ไม่เหมาะกับมือใหม่ เพราะตายง่าย และต้องใช้ความรู้ในการอัพสกิลพอสมควรครับ ถ้าอัพผิดคอนเซ็ป จากเก่งจะกลายเป็นกากเอาง่ายๆเลย

  • อาวุธที่เหมาะ : อาวุธประชิด+หนังสือเวทย์/อาวุธประชิดคู่
  • เน้นดาเมจประเภท Acid&Poison หรือ Chaos+Vitality เป็นหลัก อย่างใดอย่างหนึ่งครับ โดยอาจมีดาเมจรองเป็น Cold หรือ Pierce ได้ด้วย
  • Popular Build : DEE Dreeg/DW Venomblade Witch Hunter

13. Trickster (Shaman+Nightblade)
[Melee/Tank/Spamming Caster/Hit&Run]
สายนี้นอกจากคนเล่นน้อย พบเจอยากแล้ว ผมก็ยังไม่ถนัดที่จะรีวิวหรือสรุปด้วยครับ ดังนั้นขอสรุปคร่าวๆเป็น

  • อาวุธที่เหมาะ : อาวุธประชิดคู่/อาวุธสองมือ
  • เน้นดาเมจประเภท Bleed เป็นหลัก และสามารถเลือกเล่น Pierce+Cold หรือ Pierce+Vitality เป็นหลักด้วยก็ได้
  • Popular Build : Bleed/Savagery Trickster

14. Druid (Shaman+Arcanist)
[Melee/Spamming Caster/Hit&Run]
1 ในสายเมจ ที่ไม่ค่อยนิยมนัก แต่สนุกและสกิลสวย ซึ่งโดยหลักๆนั้นก็จะเล่นกันอยู่แค่ Trozan’s Sky Shard(TSS) เป็นหลัก แต่จุดด้อยที่หนีไม่พ้นคือไม่ค่อยมี – resistance ศัตรู จึงทำให้เวลาสู้บอสเก่งๆใช้เวลานาน และเนื้อตัวนุ่มนิ่มตายง่าย

  • อาวุธที่เหมาะ : อาวุธสองมือ/อาวุธมือเดียว+หนังสือเวทย์
  • เน้นดาเมจประเภท Cold และ Lightning เป็นหลัก โดยอาจมี Fire หรือ Aether เป็นดาเมจรอง
  • Popular Build : TSS Druid

15. Spellbreaker (Arcanist+Nightblade)
[Melee/Spamming Caster/Hit&Run]
ช่วงแพทช์หลัง 1.0.0.8 เป็นต้นมานั้นค่อนข้างเป็นที่นิยม เพราะสไตล์การเล่นนักฆ่าสุดเยือกเย็น เบิสดาเมจตูมตาม ที่นอกจากฆ่าเร็วแล้วยังเอาตัวรอดได้เยี่ยมยอด ขึ้นแท่นแทน Blademaster แล้ว ยังสามารถปรับไปเล่นสไตล์เวทย์ได้อีกด้วย ทั้งเวทย์ปามีดบินหรืออุกาบาตน้ำแข็งก็เก่งไปหมด น่าสนใจมากๆ

  • อาวุธที่เหมาะ : อาวุธคู่/อาวุธมือเดียว+หนังสือเวทย์
  • เน้นดาเมจประเภท Cold เป็นหลัก อาจมี Aether หรือ Pierce เป็นดาเมจรอง
  • Popular Build : DW Deathmarked/PB/TSS Spellbreaker

  • แหล่งทดสอบสกิลและDevotion : [link]
  • แหล่งข้อมูลและ Build หลักๆจากผู้เล่นใน Official Grim Dawn Forum ครับ : [link]

มาตรฐานความเก่ง

จุดมุ่งหมายของการสำเร็จความใคร่ทางความโหด เทพซ่า ที่ได้รับการยอมรับว่า build นี้/นั้น เก่งและน่าเชื่อถือ ผมขอกำหนดเป็น Milestone คร่าวๆ ดังนี้ครับ

  • เล่น Solo ความยากระดับ Ultimate เนื้อเรื่องหลักได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
  • สามารถ Solo ฆ่าบอสสุดแข็งแกร่ง ตาม Quest line ของ Hidden Path ได้ รวมไปถึง Madqueen, Rashalga และ The Sentinel ได้
  • สามารถ Solo การต่อสู้กับศัตรูระดับ Nemesis ได้ โดยมักจะวัดสเกลความแข็งแกร่งเป็นเวลาฆ่า หรือ Kill Time ครับ ยิ่งน้อยก็แสดงว่ายิ่งทำดาเมจได้เยอะ (เพื่อฟาร์มของระดับ legendary เป็นหลักครับ และส่วนใหญ่เน้นทดสอบกับ Cronley’s Nemesis – Fabius เพราะหาตัวง่ายสุด แต่ก็เป็นหนึ่งในตัวที่เก่งที่สุดเช่นกัน)
  • โซโล่พิชิต Crucible ชั้น 150 ได้ที่ระดับความยากสูงสุด Gladiator (ที่จริงระดับ Challenger ก็เพียงพอที่จะฟาร์มไอเทมแล้ว)
  • สุดท้ายคือ Solo ท้าเทพที่เก่งที่สุดในเกม Avatar of Mogdrogen ได้จนชนะ (จริงๆแล้วอันนี้ไม่จำเป็นนะครับ ทำได้เฉพาะบาง build และส่วนมากที่ฆ่าได้เร็วๆเนี่ย โดนเนิฟไปหมดแล้วจ้า)

Other

หมายเหตุ :

  • CC = Crowd Control : การคุมฝูงชนมอนสเตอร์ ความสามารถส่วนใหญ่จะเป็นพวกสกิลหมู่วงกว้าง และมีประโยชน์ต่อการเอาตัวรอด
  • DoT = Damage Over Time
  • AoE = Area of Effect : พื้นที่หวังผลของสกิล
  • Elemental = Fire+Cold+Lightning รวมกัน 1 ชื่อ ได้ถึง 3
  • ธาตุของการโจมตีมีหลากหลาย แยกเป็น Dmg ปกติกับ DoT จะต้องใช้บัฟคนละอัน แต่แก้ได้ด้วย resist ตัวเดียว ดังนี้
    Normal Dmg
    DoT Dmg
    Resistance
    Physical
    Internal Trauma
    Armor, Physical Res.
    Pierce
    Pierce Res.
    Bleeding
    Bleeding Res.
    Acid
    Poison
    Poison&Acid Res.
    Fire
    Burn
    Fire Res.
    Cold
    Frost Burn
    Cold Res.
    Lightning
    Electrocute
    Lightning Res.
    Chaos
    Chaos Res.
    Aether
    Aether Res.
    Vitalty
    Vitality Decay
    Vitality Res.
SteamSolo.com