Starbound Guide

[SB-TH] วิธีการเปิดเซิฟเวอร์ !Beta - Furious Koala! for Starbound

[SB-TH] วิธีการเปิดเซิฟเวอร์ !Beta – Furious Koala!

Overview

This guide is written in Thai, not English. Please do not complain that you can’t read it. Thank you.คำเตือน : ไกด์นี้อาจจะใช้ไม่ได้ในเวอร์ชั่นอื่นๆ เนื่องจากไกด์นี้ถูกเขียนมาเพื่อเวอร์ชั่นดังต่อไปนี้Starbound – Beta Stage 1 : Progenitor – v. Furious Koala (Patch No. 8)สำหรับมือใหม่ที่ต้องการจะเปิดเซิฟเวอร์เล่นกับเพื่อน คิดว่าเน็ตกับคอมตัวเองแรงพอ ก็เชิญไกด์นี้ได้เลยครับ ถ้าใครยังไม่มั่นใจในวิธีเปิดเซิฟเวอร์ที่ถูกต้อง หรือการตั้งค่าในส่วนต่างๆของเซิฟเวอร์นะครับ เชิญอ่านได้เลย ^^

เกริ่นนำ

เกมนี้ คือเกม Starbound ที่มีรูปแบบคล้ายๆ Terraria ซึ่งหลายคนที่เคยเล่นจะรู้จักเกมนี้ดีแน่นอน ซึ่งผมเชื่อว่าหลายคนคงจะเล่น Singleplayer อยู่แค่คนเดียว อยากหาเพื่อน ก็เลยไปตระเวนหาเซิฟเวอร์อื่นเล่น แล้วก็รู้สึกไม่ค่อยดีอยู่ดี ดังนั้น ผมจะสอนวิธีเปิดเซิฟเวอร์ให้เอง เอาไว้เล่นกับเพื่อนเองเลยก็ตรงนี้แหล่ะครับ

สิ่งที่จะใช้ในการเปิดเซิฟเวอร์

แน่นอนครับ ต้องมีแน่นอน ตามนี้ครับ

  • คอมพิวเตอร์หรือเครื่องเซิฟเวอร์ที่ CPU แรงๆบวกกับ Ram อีกเยอะๆ
  • อินเทอร์เน็ตที่คิดว่าไวพอ (ทั้งด้าน Download และ Upload)
  • ตัวเกมใน Steam เอง (แหงล่ะ ต้องมีแน่นอนป
  • Hamachi สำหรับคนที่ต้องการเปิดแบบฮามาชิ (เพื่อนต้องมีด้วย)
  • Router (ใช้ต่อเน็ตไงเล่า แต่ว่า ใช้จริงๆก็ตอนคนที่เปิดเซิฟเวอร์ด้วยการ Forward Port)

วิธีการใช้งาน LogMeIn Hamachi

การสอนวิธีการใช้ Hamachi ที่นี่จะเป็นการสอนเพียงแค่ขั้นต้น โดยใช้ตัวโปรแกรมแบบ Unmanaged
ส่วนนี้เป็นส่วนสำหรับการเปิดเซิฟด้วย Hamachi นะครับ ถ้าไม่ได้จะเปิดวิธีนี้ ก็ข้ามท่อนนี้ไปได้เลยนะครับ แต่ถ้าเปิดเซิฟเวอร์โดยใช้ Hamachi อาจจะต้องอ่านเพื่อความเข้าใจในการใช้

การโหลด LogMeIn Hamachi

ลิงค์โหลด : คลิกที่นี่[secure.logmein.com]
สำหรับการโหลด LogMeIn Hamachi ให้ทำตามลำดับดังนี้ครับ

ขั้นที่ 1 คลิกให้เป็นเครื่องหมายติ๊กถูกเพื่อเป็นการยอมรับข้อบังคับใช้ของทาง LogMeIn ในเรื่องของข้อห้ามการใช้ในบางประเทศ แต่เราได้ยอมรับแล้ว เราจึงติ๊กถูกได้
ขั้นที่ 2 ดาวน์โหลดแบบ Unmanaged เนื่องจากว่าโหมด Managed จะเน้นไปทางด้านการจัดการการ Remote Control ของเครื่องคอมพิวเตอร์มากกว่า และที่แน่ๆ ถ้าเป็น Unmanaged ไม่จำเป็นต้องสมัครครับ แต่ถ้าเป็นแบบ Managed คือเราสามารถจัดการเรื่องการสร้าง Network ของ Hamachi ได้ง่ายดายกว่าด้วย

การติดตั้ง LogMeIn Hamachi

หลังโหลดเสร็จแล้ว ให้เปิดไฟล์ติดตั้งขึ้นมาเพื่อทำการติดตั้งนะครับ

ขั้นที่ 1 ในหน้าต่างแรก จะให้เลือกภาษาในการใช้ LogMeIn Hamachi โดยแนะนำให้ใช้เป็นภาษาอังกฤษเพื่อความสะดวกในการอธิบายและการใช้งาน แล้วกด Next ไปซะ
ขั้นที่ 2 จะเป็นหน้าต้อนรับเข้าสู่การติดตั้งและข้อบังคับการใช้งานโปรแกรมของเขา เรื่องลิขสิทธิ์อะไรนั่นนั่นแหล่ะ ก็กด Next และ I agree ไป เพื่อถือว่าเป็นการยอมรับแล้ว
ขั้นที่ 3 หน้านี้จะให้ตั้งค่าว่าจะ Install โปรแกรมไว้ที่ไหน จะใช้แบบเดิมหรือแบบใหม่ก็ได้ครับ แล้วกด Install เพื่อเริ่มติดตั้งและรอกันเลย เมื่อเสร็จก็กด Launch Hamachi ขึ้นมา

การใช้ Hamachi

ขั้นที่ 1 เปิดขึ้นมาครั้งแรก มันจะบอกให้เราอนุญาตให้โปรแกรมทำงานก่อน เหมือนเปิดคอมอ่ะครับ โดยการกดที่ปุ่ม Power ของตัวโปรแกรมเลย เพื่อเริ่มทำงานครับ
ขั้นที่ 2 ตัวโปรแกรมจะให้เราตั้งชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราที่จะให้แสดงต่อเพื่อนเราที่จะเข้ามานั่นเองนะครับ โดยให้ตั้งชื่อที่เพื่อนๆรู้จักกันดี แล้วกด Create (สามารถเปลี่ยนชื่อทีหลังได้)
ขั้นที่ 3 หลังตั้งชื่อเสร็จ ตัวโปรแกรมจะอนุญาตให้ใช้งานได้ คือเราสามารถสร้าง Network เองได้หรือเข้าไปร่วม Network ของเพื่อนเพื่อเล่นในเซิฟได้นะครับ

การ Create Network ใหม่

ถ้าไม่อยากไปพึ่ง Network ของเพื่อน เราก็สามารถสร้างเองแล้วให้เพื่อนเข้ามา Join แล้วเล่นด้วยกันได้ แต่ข้อแม้คือ ถ้าไม่ได้อัพเกรด ก็ได้เพียงแค่ Network ละ 5 เครื่องเท่านั้นนะครับ

ขั้นที่ 1 ไปทีแท็บ Network ข้างบนแล้วเลือก Create a new network…
ขั้นที่ 2 ให้ตั้งชื่อ Network พร้อมกับรหัสนะครับ เพื่อให้เพื่อนเข้ามาได้
ขั้นที่ 3 สร้างเสร็จแล้วก็คือ ได้เลยครับ ให้เพื่อนเข้ามาร่วมใน Network ได้เลย

การ Join Network ของเพื่อน (หรือให้เพื่อนเข้ามา)

ถ้าจะให้เพื่อนเข้ามาใน Network ของเรา หรือเราจะเข้า Network ของเพื่อน ให้ทำดังนี้ครับ

ขั้นที่ 1 ไปที่แท็บ Network ข้างบนแล้วเลือก Join an existing network…
ขั้นที่ 2 ใส่ Network ID กับ Password ของ Network ที่เพื่อนสร้าง แล้วเข้าไปได้เลยครับ

การให้ IP เพื่อนที่จะเข้ามาเล่น

สามารถดู IP ของ Hamachi ได้จากตัวโปรแกรมเลยครับ ใกล้ๆปุ่ม Power (25.X.X.X)

วิธีการ Forward Port

ส่วนนี้สำหรับผู้ที่จะเปิดเซิฟโดยใช้ IP แท้ของตนเองและ Forward Port เพียงเท่านั้น หากต้องการจะใช้ Hamachi ไม่จำเป็นจะต้องใช้ส่วนนี้นะครับ

คำจำกัดความ

สำหรับส่วนเรื่องการ Forward Port จะยากนิดนึงและอาจจะเข้าใจคำพูดแตกต่างกันไป จึงขอคำเฉพาะบางคำที่ใช้ในไกด์นี้ เพื่อให้เข้าใจในความหมายและนิยามของคำนั้นๆในไกด์นี้นะครับ

LAN ย่อมาจากคำว่า Local Area Network ซึ่งหมายถึง Network ภายในวง Router เดียวกันนะครับ เช่น ภายในบ้านเดียวกัน ถ้าเครื่องคอมใช้เน็ตจาก Router เดียวกับโน๊ตบุ๊ค นับเป็นวงแลนเดียวกันครับ
WAN ย่อมาจาก Wide Area Network ก็คือ Network อินเทอร์เน็ตทั้งโลกนี้ครับ
Router เครื่อง Router ที่ใช้ในการต่ออินเทอร์เน็ต แต่มีส่วนในการแบ่ง IP ให้กับเครื่องที่ใช้ Router นั้นด้วย ทำหน้าที่เหมือนทางผ่าน (Gateway)

IP ตัวเลขที่ใช้ระบุเครื่อง Client แต่ละเครื่อง แบ่งได้อีกคือ

  • LAN IP คือ IP ของเครื่องแต่ละเครื่องในวงแลน (ดังภาพบนที่อธิบาย เช่น โทรศัพท์ โน๊ตบุ๊ค)
  • WAN IP คือ IP ของทั้งโลก คือ IP บนโลกอินเทอร์เน็ตนั่นเอง ซึ่งเปลี่ยนไปตลอดเรื่อยๆทุกครั้งที่เปิด Router
  • Default Gateway คือ IP ของทางผ่านหลัก ทางแยก ซึ่งก็คือเครื่อง Router นั่นเอง
  • Dynamic IP คือ IP ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามฤดูกาล คือการเปิดปิด Router แต่ละครั้ง ซึ่งมีผลใน WAN IP มากที่สุด และไม่สามารถแก้ไขได้ ส่วน LAN IP จะทำหน้าที่เป็น DHCP Server คือคอยส่ง IP ใหม่ให้เครื่อง Client เรื่อยๆ ในแต่ละครั้งที่ใช้งาน
  • Static IP คือ IP ที่คงทนในตัวเลขนั้น จะมีผลใน LAN IP คือ สามารถ Fix ให้เครื่องใดๆเป็น IP ที่ต้องการได้ ไม่เปลี่ยนแปลง

Server เครื่องที่ทำงานเป็นเซิฟเวอร์ให้มีเครื่อง Client สามารถส่งข้อมูลมาได้ (เกี่ยวข้องกับ Terraria ในส่วนว่า ตัวละครเดิน ก็จะส่งข้อมูลมา และ Server จะส่งให้ผู้เล่นทุกคนเห็น) และรวมถึงตัวเครื่อง Router เองซึ่งเป็นส่วนที่ให้เราต่อเข้าไป
Client เครื่องลูกข่ายที่ต่อเข้ามาที่ Server และรวมถึงเป็นลูกข่ายของ Router ด้วย
Port หมายเลขเส้นทางที่ Client สามารถต่อเข้ามาที่ Server ได้ (เหมือนถนน)
Forward Port เหมือนเป็นการเปิดถนน เพื่ออนุญาตให้เข้ามาได้

การเข้าสู่ Router

เป็นขั้นแรกของการเข้าใช้วงแลนอย่างเต็มที่เลยนะครับ โดยสิ่งที่ต้องรู้เพื่อจะเข้าหลักๆเลย ได้แก่

  • Router IP (Default Gateway)
  • Router Username
  • Router Password

Router IP
ขั้นที่ 1 Run Command Prompt ขึ้นมา (cmd.exe)
ขั้นที่ 2 พิมพ์ว่า ipconfig เพื่อให้แสดงผลในเรื่อง IP ของเครื่อง Client ขณะนี้
ขั้นที่ 3 หาในส่วนของ Network ที่เราเข้าใช้งานอยู่ เช่นรูปตัวอย่างใช้การต่อ Wifi จึงหาในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ขั้นที่ 4 หา IP ของ Default Gateway (ส่วนใหญ่เป็น 192.168.1.1 แต่ในรูปเป็น 50.0.0.101)

Router Username/Password
ส่วนนี้ขึ้นอยู่กับผู้ที่ตั้งค่า Router ให้แต่แรก เช่น ผู้ที่มาติดตั้งเน็ตและต่อ Router ให้ โดยอาจจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่ว่าแต่ละที่ (พวก ISP) จะตั้งรหัสเหมือนๆกันไว้ให้ ดังนี้

Triple T Broadbrand (3BB)
Username: admin
Password: 3bb

TOT
Username: admin
Password: tot

True Billion Sky
Username: admin
Password: password

True Zyxel
Username: admin
Password: 1234 / admin

True บางรุ่น
Username: true
Password: true

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทั้งหมดนี้ อาจจะไม่ถูกต้อง เพราะผมก็ไม่ได้ใช้ในหลายๆ ISP เหมือนกัน ลองไปหาดูกันเองอีกทีแล้วกันนะครับ แต่ถ้า Router มีคนตั้งรหัสใหม่ไว้แล้ว ต้องถามคนตั้ง หรือถ้าคุณตั้งเอง คุณก็ใช้รหัสที่คุณเคยตั้งไว้นะครับ

เข้าสู่ Router
ขั้นที่ 1 เปิด Internet Browser ขึ้นมา (เช่น IE, Firefox, Chrome)
ขั้นที่ 2 ใส่ URL เป็น Router IP (เช่น 192.168.1.1)
ขั้นที่ 3 จะมีถามให้ใส่ Username กับ Password ให้ใส่ให้ถูกต้อง

เริ่มต้น Port forward

Router แต่ละรุ่นอาจจะมีรูปแบบการตั้งค่าแตกต่างกัน แต่ให้ลองสำรวจดูแล้วจะได้ในแบบรูปนี้นะครับ

ขั้นที่ 1 เข้าไปในแท็บ Advanced Setup
ขั้นที่ 2 เข้าไปที่ส่วนของ NAT
ขั้นที่ 3 ไปที่ Virtual Server เพื่อตั้งค่า Port forward
ขั้นที่ 4 ตั้งค่าการ Port Forward แต่ละหัวข้อแล้วกด Save ดังนี้

  • Rule Index ลำดับการ Port Forward (ใดๆก็ได้)
  • Application เป็นเพียงแค่การตั้งชื่อให้เข้าใจง่าย แต่ควรจะตั้งว่า Terraria
  • Protocol รูปแบบของ Port ในที่นี้ให้ตั้งเป็นทั้ง TCP และ UDP
  • Start Port Number ช่วงเริ่มต้นของ Port ที่จะให้คนเข้ามา (WAN)
  • End Port Number ช่วงสิ้นสุดของ Port ที่จะให้คนเข้ามา (WAN)
  • Local IP Address LAN IP ของเครื่องที่จะให้ Port Forward (หาได้จาก iponfig – IPv4)
  • Start Port Number (Local) ช่วงเริ่มต้นของ Port ที่จะให้คนเข้ามา (LAN)
  • End Port Number (Local) ช่วงสิ้นสุดของ Port ที่จะให้คนเข้ามา (LAN)

แนะนำให้ตั้งค่า Port ทั้งหมดเป็น 7777 เนื่องจากเป็น Default Port ของ Terraria และถ้าหากมี SNMP อยู่ในลิสต์ Forward Port อยู่แล้ว ไม่ควรลบออก


ภาพนี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่าง ส่วน IP / Port อาจจะเปลี่ยนแตกต่างกันไป

การให้ IP เพื่อนที่จะเข้ามาเล่น

IP ของเราจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆทุกวัน แต่สามารถดูได้ตามเว็บ What’s my IP?[www.whatsmyip.org] ได้เลยครับ แต่ถ้าบางคนขี้เกียจให้แบบนี้ ก็อาจจะให้เป็น Hostname หรือ Domain ที่ตัวเองมีอยู่แล้ว เช่น Hostname ฟรีๆของ No-ip[www.noip.com] หรือคิดเงินอย่าง DynDNS[dyn.com] ก็ได้ครับ แล้วแต่ความสะดวกแต่ละคน

(เพิ่มเติม) เปลี่ยน LAN IP เป็น Static IP

ปกติแล้ว นอกจากที่ WAN IP ของเราจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆทุกครั้ง LAN IP ก็อาจจะเปลี่ยนขึ้นอยู่กับช่วงเวลาได้ แต่การ Forward Port จำเป็นจะต้องระบุ IP ของเครื่องที่จะให้ทำงาน จึงจะต้องเปลี่ยนตามเรื่อยๆหาก LAN IP เราเปลี่ยน ดังนั้น ควรจะเปลี่ยนให้ LAN IP ของเรา Fix ไว้คงทนตลอดเวลา

อย่างแรกคือ ตั้งค่าให้ Router เปลี่ยนเรื่อง DHCP Server ใหม่ เพราะ IP แบบสุ่มอาจจะสุ่มของเครื่องอื่นตรงกับ IP ของเราที่เราใช้งานอยุ่จึงทำให้เครื่องอื่นใช้งานไม่ได้ โดยตัวอย่างนี้จะสมมุติให้ Router IP คือ 192.168.1.1 และ DHCP Server เริ่มที่ 192.168.1.2 แต่ต้องการเปลี่ยนเป็น 192.168.1.3 เพื่อเว้นช่อง 192.168.1.2 ให้เป็น Static IP ของเครื่องที่จะเปิดเซิฟเวอร์ ก็เพียงแค่เปลี่ยนค่า 192.168.1.2 เป็น 192.168.1.3 เพียงเท่านั้น (ปกติแล้ว Router บางเครื่องตั้งเริ่มต้นไว้ที่ 192.168.1.33 เราก็สามารถเปลี่ยนคืนเป็น 192.168.1.2 และย้ายเป็น 192.168.1.3 ได้)

อย่างที่สองคือจะต้องตั้งค่าที่ตัวเครื่องเองว่าให้ใช้ IP เป็น 192.168.1.2 เพื่อให้ Fix ไว้ ทำได้ดังนี้
ขั้นที่ 1 พิมพ์เข้าไปในช่อง Search แล้วเข้าไปที่ Network Connections เลย (Windows 7 คงรู้กันดี เพราะมีอยูตรง Start Menu ใกล้ๆกับ Shutdown นั่นแหล่ะ)
ขั้นที่ 2 เลือก Network ที่เราใช้งานอยู่ เช่นบางคนใช้สายแลนต่อเข้า Router ก็น่าจะเป็น Local Area Connection หรือบางคนเป็นโน๊ตบุ๊คใช้ Wireless Network Connections ให้คลิกขวาเข้า Properties ไป
ขั้นที่ 3 เลือก Internet Protocol Version 4 (TCP/IPv4) แล้วกด Properties
ขั้นที่ 4 ตั้งค่าเป็น Use the following IP address แล้วใส่ IP Address ดังนี้

  • IP address : 192.168.1.2
  • Subnet mask : 255.255.255.0
  • Default gateway : 192.168.1.1

ขั้นที่ 5 ตั้งค่า DNS Server ให้ถูกต้อง โดยอาจจะเปลี่ยนแปลงไปได้ ที่หามา เช่น

  • 3BB – 110.164.252.222 & 110.164.252.223
  • True – 203.144.207.29 & 203.144.207.49
  • Google – 8.8.8.8 & 8.8.4.4 (ใช้ได้ทุกค่ายเน็ต)

ในส่วนเพิ่มเติมนี้ หากทำผิดพลาดอาจจะก่อผลเสียได้ ดังนั้น ขอให้มั่นใจจริงๆก่อนทำ และโน๊ตในส่วนของการตตั้งค่า LAN IP ในตัวเครื่อง หากไปใช้ต่อเน็ตที่อื่น จะต้องตั้งค่าคืนกลับเป็นแบบเดิม เนื่องจากว่า เน็ตทางที่อื่นอาจจะมีรูปแบบ IP เป็น Dynamic IP หรืออาจจะใช้ Static IP คนละ IP ก็เป็นได้

วิธีการเปิดเซิฟเวอร์ผ่านตัวโปรแกรม

ในที่สุดก็ผ่านมาถึงตรงนี้จนได้นะครับ การเปิดเซิฟเวอร์เนี่ย…

สำหรับตัวโปรแกรมเปิดเซิฟเวอร์ มีวิธีเข้าอยู่สองทาง ดังนี้นะครับ
แบบที่ 1 เข้าผ่าน Launcher คือกดปุ่ม Launch Starbound Server ที่ด้านล่าง Launcher
แบบที่ 2 ไปเข้าตรงที่ …SteamAppscommonStarboundwin32 ที่ไฟล์ starbound_server.exe

เมื่อรันตัวเซิฟเวอร์ขึ้นมา จะมีหน้าต่าง Dedicated Server ขึ้นมาแบบนี้ครับ

ซึ่งหากรอไปนานๆ ก็จะเป็นการรันเซิฟเวอร์ให้เสร็จให้ได้ โดยที่สามารถดูได้ว่าเข้าเซิฟเวอร์ผ่าน IP หรือ Hamachi IP ได้รึยัง ก็คือ ดูว่า มีคำว่า *:21025 ขึ้นมารึยังนั่นเองไงครับ
อาจจะเป็น *:อย่างอื่น หากตั้งค่า Port อื่นในส่วนการตั้งค่า ซึ่งจะอธิบายในหัวข้อถัดไป

เพียงแค่นี้ก็สามารถเข้าเซิฟเวอร์ได้แล้ว!

การตั้งค่า Server ด้วย Configuration FIle

เนื่องจากตัวเกมยัง Beta จึงแทบไม่มีการตั้งค่าให้เห็นกันเลย ซึ่งในเวอร์ชั่น Angry Koala นี้ มีการตั้งค่าลับซ่อนอยู่ในไฟล์ …SteamAppscommonStarboundstarbound.config นั่นเองนะครับ
ซึ่งสามารถเปิดตั้งค่าโดยใช้ Notepad หรือโปรแรกมแก้ไขอื่นๆ (ในที่นี้ผมใช้ Notepad++)

ขอเตือนไว้ก่อน คือ ในส่วนนี้ผมไม่มั่นใจว่าสามารถใช้การได้จริงรึป่าว เพราะผมไม่ได้ทดลองแก้ไขทุกที่

การตั้งค่า Port
สามารถค้นหาในส่วนดังต่อไปนี้เพื่อแก้ไขได้นะครับ

  • “gamePort” : 21025 ตรงนี้เป็นส่วนของ Port ที่ไว้เข้าเซิฟเวอร์นั่นเอง
  • “controlPort” : 21026 น่าจะคล้ายๆกับ REST Api ของ Terraria Tshock Server ที่เราสามารถแก้ไขเซิฟเวอร์ผ่านอีกพอร์ทนึงได้ แต่คาดว่าส่วนนี้ตัวเกมยังไม่ได้ทำไว้ ดังนั้น จึงยังไม่มีความสำคัญอะไร
  • “authPort” : 21027 น่าจะเป็นพอร์ทสำหรับเว็บเซิฟเวอร์นั่นเองนะครับ โดยส่วนนี้ยังไม่ได้ทำไว้ ซึ่งส่วนนี้อาจจะมีความสัมพันธ์กับ authHostname ด้วยนะครับ

รหัสผ่าน Server
serverPasswords” : [ “”, “duckies”, “swordfish” ]
ส่วนนี้ผมยังไม่ได้ทดลองนะ คาดว่าจะเป็นรหัสแบบ Multi-password คือ สามารถเลือกใช้รหัสใดรหัสหนึ่งเพื่อเข้าเซิฟได้ โดยหากต้องการให้ไม่มีรหัส ก็น่าจะเว้นช่องหนึ่งเอาไว้ เหมือนกับตัวอย่างข้างบน

ส่วนของการตั้งค่าอื่นๆ
ส่วนใหญ่จะเป็นการตั้งเกี่ยวกับฝ่าย Client เช่น ความดังเสียงที่ตั้งค่าไว้ ซึ่งหากมีเกี่ยวกับเซิฟเวอร์อีกอื่นๆ และจะช่วยแนะนำ บอกได้นะครับ (และหากเป็นเวอร์ชั่นใหม่ อาจจะมาปรับแต่งแก้ไขให้)

วิธีเข้าเซิฟเวอร์

สำหรับให้เพื่อนกับตัวเองที่เข้าเซิฟเวอร์ไม่เป็นนะแจ๊ะ

ตรงหน้า TItle Menu ของตัวเกม Starbound สามารถเข้าเซิฟได้โดยการคลิกที่ Multiplayer แล้วใส่ IP

ถ้าคุณเปิดเซิฟเวอร์ใช้ IP อื่นนอกจาก 21025 จะต้องเติม :พอร์ท ต่อท้าย เช่น
25.26.27.28:7878 หากเปิดเซิฟเวอร์ด้วย Port 7878 น่ะครับ

ปิดฉากลงเพียงเท่านี้

รู้สึกว่าส่วนของการเปิดเซิฟเวอร์แทบไม่มีอะไรเลย แต่ใครที่คิดจะ Forward Port เอานี่จิ ^^ ยาวเอาเรื่องเลยนะครับแหม่ ก็ต้องขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านไกด์กากๆอันนี้ (แหงล่ะ เกมยังกากๆ แค่ Beta อยู่นี่นา) นะครับ ^^

มีอะไรก็ติชมหน่อยน้อ

SteamSolo.com